เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ที่บริเวณท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต นายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ร่วมตรวจสอบการให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเดินทางด้วยเรือโดยสารและเรือนำเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ เช่น เกาะพีพี จ.กระบี่ อ่าวพังงา เป็นต้น ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้ได้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของกัปตันเรือ นายท้ายเรือ ลูกเรือ รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิต ความสะอาดของเรือ และการให้บริการอื่นๆ
นายไมตรี กล่าวว่า การตรวจสอบท่าเทียบเรือดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางทะเล โดยเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างเจ้าท่าฯ ภูเก็ต และขนส่งภูเก็ต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งเรือแต่ละลำจะมีผู้โดยสารประมาณ 300-500 คน
ทั้งนี้ได้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของกัปตันเรือ นายท้ายเรือ และลูกเรือ ซึ่งจะมีประจำเรือแต่ละลำรวมประมาณ 6 คน เบื้องต้นไม่ปรากฏสารเสพติด นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำเรื่องการไม่บรรทุกเกินน้ำหนัก อุปกรณ์ช่วยชีวิตประจำเรือที่จะต้องมีเพียงพอกับผู้โดยสาร รวมถึงความสะอาดภายในเรื่อง และการให้บริการ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบน้อย นอกจากการตรวจสอบและให้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่เจ้าท่าฯ แล้ว ในส่วนของบริษัทฯ ที่ให้บริการก็มีการตรวจสอบร่วมกันไปด้วย พร้อมกันนี้ยังมีอาสาสมัครชาวต่างชาติมาช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตามนายไมตรี ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องของความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยในแต่ละท่าเรือของจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีประมาณ 16 จุด ทางเจ้าท่าฯ ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำทุกท่า และได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มความเข้มงวดในช่วงเทศกาลเนื่องจากมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในการท่องเที่ยวต่างๆ นั้น นอกจากบรรยากาศที่ดีแล้ว ก็จะต้องลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ฝากเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณท่าเทียบเรือ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลและจะมีส่วนจูงใจให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงบริเวณชายหาดต่างๆ ด้วย
ขณะที่นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยบริเวณท่าเทียบเรือต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีประมาณ 16 ท่า เช่น ท่าเรือรัษฎา ท่าเรือโบ๊ทลากูน ท่าเรือรอยัลมารีน่า ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือบางโรง เป็นต้น เดินทางไปตามเกาะแก่งต่างๆ เช่น อ่าวพังงา เกาะพีพี และเกาะลันตา จ.กระบี่ เป็นต้น
โดยมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 365 วันอันดามันปลอดภัย ส่วนการดำเนินการในช่วงเทศกาลต่างๆ นั้นก็เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจะมีความร่วมมือกันระหว่างเจ้าท่าฯ กับตำรวจน้ำ และในปีนี้ยังมีสำนักงานขนส่งฯ เข้ามาร่วมในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งในส่วนของภูเก็ตค่อนข้างได้เปรียบเนื่องจากกัปตันเรือหรือคนประจำเรือส่วนใหญ่จะเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม พร้อมกันนี้ยังคงเน้นย้ำเรื่องของการไม่บรรทุกเกินจำนวนที่กำหนด เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเรื่องอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จะต้องมีอย่างเพียงพอ โดยเราคาดหมายว่าในช่วงเทศกาลนี้อุบัติเหตุจะเป็นศูนย์
ทางด้านนายนิคม โอวาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ต บิซิเนส กรุ๊ป จำกัด เจ้าของเรือ พีพีครุยส์เซอร์ ซึ่งให้บริการนำนักท่องเที่ยวจากท่าเรือรัษฎา ไปยังเกาะพีพี กล่าวว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการท่าเทียบเรือรัษฎา เฉลี่ยวันละประมาณ 1,200-1,500 คน จากผู้ให้บริการ 3 ราย คือ เรือพีพีครุยส์เซอร์ เรืออันดามันเวป และเรือชาวเกาะบริการ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ที่มีจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ คือ จีน อินเดียและออสเตรเลีย ส่วนของคนไทยนั้นมีบ้างแต่ไม่มาก ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะใช้บริการในช่วงเทศกาลแต่ช่วงปีใหม่นี้มีค่อนข้างน้อย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่าเทียบเรือต่างๆ ของภูเก็ตที่มีอยู่ทั้งจังหวัด ในการเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ในอ่าวพังงา จังหวัดกระบี่และใกล้เคียง คาดว่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นนั้น มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ เพราะภูเก็ตจะมีเที่ยวบินตรงซึ่งสามารถเดินทางมาภูเก็ตได้โดยตรง แต่ที่ส่งผลกระทบกับการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจมากกว่าที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลง นายนิคมกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น