จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

“ผลิตให้แจ๋ว ขายให้กระจาย”

เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2553 ที่โรงแรมถาวรแกรนด์พลาซ่า องเมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางเทคนิควิชาการหลักสูตร “ผลิตให้แจ๋ว ขายให้กระจาย” และการบริการให้คำปรึกษาแนะนำในการประกอบการ ภายใต้โครงการเสริมสร้างพลังปัญญา ร่วมพัฒนา SMEs และวิสาหกิจชุมชนไทย ซึ่งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จัดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนใน จ.ภูเก็ต เข้าร่วมประมาณ 100 ราย นอกจากนี้ยังมีนายสมประสงค์ เอี่ยมสกุล ที่ปรึกษา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นเกียรติด้วย

นายวีรพล ศรีเลิศ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการจัดสัมมนาทางเทคนิควิชาการและการให้บริการปรึกษาแนะนำในการประกอบการ หลักสูตรผลิตให้แจ๋ว ขายให้กระจาย เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางเทคนิควิชาการให้กับ SMEs และวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิตและมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน ช่วยลดความเลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สร้างสัมพันธภาพและเชื่อมโยงเครือข่ายช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในการประกอบการระหว่าง SMEs วิสาหกิจชุมชนและภาครัฐ อีกทั้งเพื่อลดช่องว่างทางความคิด และความเหลื่อมล้ำทางสังคม

อย่างไรก็ตามกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นว่าผู้เข้ารับการสัมมนาจะได้รับความรู้และทักษะในการประกอบการ และสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาการผลิต ให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐาน มีรูปแบบสอดรับกับความต้องการของตลาด มีมูลค่าสูงขึ้น เกิดประสิทธิภาพในการลดต้นทุน ตลอดจนเกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งได้รับทราบถึงการทำงานส่งเสริมของภาครัฐ ได้รู้จักกับผู้เข้าร่วมสัมมนาคนอื่นๆ อันจะก่อให้เกิดเครือข่ายช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และเกิดความร่วมมือร่วมใจกันในการพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้มีเป้าหมายจัดสัมมนาในลักษณะนี้ทั่วทั้งประเทศ150 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมจำนวน 15,000 คน นายวีรพลกล่าว

ด้านนายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการ SMEsและวิสาหกิจชุมชน เป็นกลุ่มที่เป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย มีส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อสังคม ท้องถิ่น และประเทศชาติโดยรวม ดังนั้นการได้มาเรียนรู้ ศึกษา แล้วนำไปพัฒนาตนเองและกิจการเป็นสิ่งที่ดีและสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะบนถนนธุรกิจที่มีการแข่งขันและมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา การใช้ความคิดพิจารณาสิ่งที่เรียนรู้มาโดยวิเคราะห์เข้ากับสถานการณ์จริง จะทำให้มองเห็นทิศทางและสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ดี สามารถวางแนวทางธุรกิจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้ทางวิชาการแล้วยังได้เครือข่ายระหว่างผู้เข้าสัมมนาด้วยกันซึ่งทำให้สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ในอนาคตระหว่าง SMEs และวิสาหกิจชุมชน ทำให้ลดช่องว่างทางความคิดและความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น