จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รวบเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่สนามบินภูเก็ต


เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย, พ.ต.อ.ธีระยุทธ บุตรน้ำเพชร ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต, ว่าที่ ร.ท.ภาสกร สุระพิพิธ ผอ.การท่าอากาศยานภูเก็ต, นายอนันต์ ศรีประเสริฐ นักวิชาการชำนาญการพิเศษ ด่านศุลกากรภูเก็ต, พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สวป.สภ.เมืองภูเก็ต/ ชปส.สภ.เมือง และชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 1. นายปีเตอร์ บัลเมอร์ (PETER BALMER) อายุ 47 ปี สัญชาติ สวิสเซอร์แลนด์ ถือหนังสือเดินทางหมายเลข F0705216 พร้อมด้วยของกลาง โคเคน มีลักษณะเป็นยางดำ จำนวน 2 แผ่น น้ำหนัก ประมาณ 4 กิโลกรัม, กระเป๋าเดินทาง (ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด โคเคน จำนวน 1 ใบ) 2. นางสาวพิมพิศา เพียงโยธา อายุ 39 ปี อยู่ 55 หมู่ 4 ต.แซร์ออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) เป็นผงสีขาว น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม โดยกล่าวหาว่า นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) และมียาเสพติดให้โทษประเภท 2(โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทางพ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ได้แจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติด จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศแถบโซน อเมริกาใต้ เข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านทางท่าอากาศยานภูเก็ต จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนทำการจับกุม โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต การท่าอากาศยานภูเก็ต ด่านศุลการกรท่าอากาศยานภูเก็ต สภ.ท่าฉัตรไชย และวางแผนทำการจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็ได้พบนายปีเตอร์ บัลเมอร์ (PETER BALMER) ซึ่งเป็นบุคคลที่สายได้แจ้งไว้ว่าจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ได้เดินทางเข้ามาถึงท่าอากาศยานภูเก็ต และผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นได้เดินทางไปหยิบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ที่สายพานที่ 6 แล้วรีบเดินออกมาผ่านยังจุดตรวจของด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบกระเป๋าโดยเอากระเป๋าดังกล่าวผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ พบว่ามีสิ่งผิดปกติ จึงขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นกระเป๋าพบว่าที่ขอบของกระเป๋าดังกล่าว 2 ด้าน ได้มีการซุกซ่อนยาเสติด(โคเคน) ไว้โดยทำเป็นแผ่นบางๆ อย่างแนบเนียน หนักแผ่นละประมาณ 2 กิโลกรัม รวม ทั้งสิ้น 4 กิโลกรัม ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นชนิดสีดำ ซึ่งเป็นการตรวจพบครั้งแรกในเมืองไทย โดยโคเคนดังกล่าวนี้หากหลุดเข้าไปจำหน่ายในตลาดในประเทศไทย แล้ว หากขายส่งแล้ว จะมีราคาประมาณ กิโลกรัมละ 3 ,000,000 บาท (4 กิโลกรัม ประมาณ 12,000,000 บาท) แต่หากแบ่งจำหน่ายในลักษณะที่เป็นรายย่อยแล้ว สามารถทำรายได้ให้กับผู้ค้าได้ถึง 5 ล้านบาท ต่อกิโลกรัม จากนั้นทางเจข้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายปีเตอร์ไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนก็ทราบว่า นายปีเตอร์ บัลเมอร์ อยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 4 – 5 ปี โดยสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้บ้าง โดยได้มีภรรยาอยู่ที่ อ.ครบุรี จ.นครราชศรีมา ก่อนถูกจับกุมตนได้รับการว่าจ้างให้เดินทางไปรับยาเสพติดมาจากเมืองซานตาครูซ ประเทศโบลิเวีย และมาแวะที่เมืองโดฮา เพื่อเปลี่ยนเครื่องเดินทางตรงมายังจังหวัดภูเก็ต โดยทางกลุ่มนักค้าจะเป็นผู้ออกค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด จากนั้นเมื่อรับยาเสพติดมาแล้วก็จะเดินทางเข้าประเทศไทย ทางท่าอากาศยานภูเก็ต โดยในครั้งนี้ตนจะได้รับค่าจ้างประมาณ 6,000 US หรือประมาณ 2 แสนบาท หลังจากที่ส่งมอบกระเป๋าซึ่งซุกซ่อนยาเสพติดไว้ให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหานี้ พร้อมด้วยของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากนั้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมชุดเดิมได้พบ นางสาวพิมพิสา เพียงโยธา ซึ่งเป็นอีกบุคคลที่ทางสายได้แจ้งว่าเป็นผู้ที่เดินทางไปรับเอายาเสพติดที่ประเทศบราซิล นำเข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านทางท่าอากาศยานภูเก็ต และจะเดินทางต่อไปที่กรุงเทพมหานคร หลังจากได้ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ได้เดินไปรอเอากระเป๋าที่สายพานหมายเลข 6 เมื่อรับกระเป๋า ก็ได้เดินทางผ่านยังจุดตรวจของด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบกระเป๋าโดยเอากระเป๋าดังกล่าวผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ พบว่ามีสิ่งผิดปกติ จึงขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว พร้อมทั้งนำไปไปทำการสอบสวน

จากการสอบสวนนางสาวพิมพิศา ให้การว่า ก็ทราบว่า ก่อนเดินทางไปประเทศบราซิลในครั้งนี้ ก็ได้มีชาวต่างชาติชื่อว่า นาย ไมท์ (MIKE) ได้มายื่นข้อเสนอไปเที่ยวประเทศบราซิล โดยนายไมท์ฯ จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เมื่อเดินทางไปถึงประเทศบราซิล จะมีคนนำกระเป๋ามาให้ แล้วเดินทางกลับ โดยมาเปลี่ยนเครื่องที่เมืองโดฮา จากนั้นเดินทางเข้ามาเมืองไทยที่จังหวัดภูเก็ต และจะเดินทางต่อไปที่กรุงเทพมหานคร และมีกลุ่มเครือข่ายของนายไมท์ มารับเอากระเป๋าไปเรียบร้อย โดยจะได้ค่าตอบแทนเมื่อเดินกลับมากรุงเทพฯพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง อนึ่ง ยาเสพติดดังกล่าวนี้สามารถนำไปเสพเข้าสู่ร่างกายได้โดยทันที โดยราคาข่ายส่งเป็นกิโลกรัมในกรุงเทพมหานคร อยู่ที่ กิโลกรัมละประมาณ 3.5 – 4 ล้านบาท แต่หากนำแบ่งขายรายย่อย สามารถทำรายได้ถึงกิโลกรัมละประมาณ 6.5 ล้านบาท

สำหรับกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ชนิดที่เป็นสีดำ จำนวน 4 กิโลกรัม ราคาขายส่งประมาณ 12 ล้านบาท (กก.ละ 3 ล้าน) หากนำไปจำหน่ายเป็นรายย่อย จะทำรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท ( กก.ละ 5 ล้าน) ส่วนชนิดผงสีขาว จำนวน 2 กิโลกรัม ราคาขายส่งประมาณ 8 ล้านบาท (กก.ละ 4 บาท) หากนำไปจำหน่ายเป็นรายย่อย จะทำรายได้ประมาณ 13 ล้าน บาท (กก.ละ 6.5 ล้าน) รวมยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวน 6 กก. ราคาประมาณ 20 ล้านบาท หรือขายในรายย่อย มีมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น