จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ภูเก็ตสนธิกำลังกว่า 200 นาย ค้นคุกภูเก็ต



เมื่อช่วงรุ่งของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทุกหน่วย สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ อาสาสมัครฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต ปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต จำนวนประมาณ 200 นาย นำโดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู และพ.ต.อ.ชำนาญ แป้นนาบอน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิตไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต และนายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าทำการตรวจค้นภายในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อค้นหายาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมายภายในเรือนจำ
สำหรับการจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้มีการเรียกตัวผู้ต้องขังทั้งหมดจำนวนประมาณ 1,615 คน มารวมตัวกันที่ลานอเนกประสงค์ภายในเรือนจำ จากนั้นได้มีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ภายในเรือนจำ อาทิ เรือนนอน ห้องทำงาน ห้องพยาบาล ห้องอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการสุ่มตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขังจำนวน 104 ราย ผลจากการตรวจค้นดังกล่าวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และผลการตรวจหาสารเสพติดทั้ง 104 รายก็ไม่พบปัสสาวะสีม่วง
ขณะที่นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาคเข้าจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำนั้น ปรากฏว่าไม่พบทั้งโทรศัพท์มือถือและยาเสพติด พบเพียงหนังสือต้องห้ามและมีดเล่มเล็กๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้แล้ว โดยที่ผ่านมาปกติทางเรือนจำจังหวัดภูเก็ตได้มีการตรวจค้นจุดต่างๆ ภายในเรือนจำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลและของจังหวัดภูเก็ต แม้จะไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็จะเข้มงวดตรวจค้นต่อไปจนกว่าเรือนจำจังหวัดภูเก็ตจะปลอดจากยาเสพติดและสามารถประกาศเป็นเรือนจำสีขาวได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของงการลักลอบส่งยาเสพติดให้กับผู้ต้องขังภายในเรือนจำในรูปแบบต่างๆ เช่น อาหาร พัสดุ ของใช้ เป็นต้น ซึ่งนายระพินทร์ ได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ได้มีการตรวจยึดและจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นประจำ จึงอยากฝากเตือนไปยังญาติหรือเพื่อนของผู้ต้องขัง ที่พยายามจะลักลอบส่งยาเสพติดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำขอให้หยุดพฤติกรรม เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะถูกจับกุมคุมขังไปด้วย และสิ่งของที่ส่งเข้าไปก็ไม่ถึงมือผู้ต้องขังอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการพยายามลักลอบโยนโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้กับผู้ต้องขังจากด้านนอกกำแพง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้เดือนละประมาณ 20-30 เครื่อง
แต่หลังจากที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบๆ กำแพงเรือนจำ รวมทั้งการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ และสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบบริเวณรอบๆเรือนจำอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลักลอบโยนโทรศัพท์เข้าเรือนจำหมดไป แต่ก็ยังมีผู้ต้องขังและญาติพยายามหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้ามามาในเรือนจำ ด้วยการส่งให้กับผู้ต้องขังในขณะนำตัวไปขึ้นศาล โดยจะนำโทรศัพท์ซุกเข้าไปในทวารหนัก แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำก็ไม่ปล่อยให้โทรศัพท์ไปถึงมือผู้ต้องขังได้ง่ายๆ เพราะหลังจากที่ผู้ต้องขังกลับจากขึ้นศาลแล้วจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถตรวจยึดได้จำนวนหนึ่ง เชื่อว่าผลจากการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจะทำให้การลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำภูเก็ตเหลือเป็นศูนย์
ทางด้านพ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า นอกจากการสนธิกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำภูเก็ตแล้ว ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตก็ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ออกปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายตามแผนปฏิบัติการตาปี เพื่อปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต จำนวน 45 เป้าหมาย โดยเน้นตรวจสอบเรื่องยาเสพติด และจากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ในหลายๆ จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยส่งรายละเอียดเพื่อรวบรวมต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น