จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รวบ 3 ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์-รับของโจร



เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง รองผกก.สส. พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายสันติ สุขจำลอง และนายอดิศร หินแก้ว ผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานฯ 


พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วย กล้องถ่ายภาพ ยี่ห้อแคนนอน เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋า คอมพิวเตอร์ เครื่องประดับ เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ในการกระทำความผิด และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้น โดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่ การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม นายบุญพฤกษ์ บุญจิตมงคล พร้อมด้วยของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์ แบบพกพาจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งผู้ต้องทั้ง 2 ข้างต้น ได้นำมาขายให้ โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์หรือรับของโจร” 


ทั้งนี้พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก นายพีระพันธ์ ปาละคเชนทร์ ว่าได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 74/249 หมู่บ้านซิตี้โฮม ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษ นอกจากนี้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2555 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านในหมู่บ้านณัฐกมล ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต ว่า ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้าน


จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ก็ได้ทำการสอบสวน พร้อมทั้งทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน จนกระทั่งทราบว่า ผู้ที่ก่อเหตุใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟิโน่ สีชมพู หมายทะเบียน ขฉจ 210 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถเช่าของร้านรถเช่าตั้งอยู่ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงก็ได้ติดตามไปยังร้านรถเช่าเจ้าของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก็ทราบว่า ได้มีนายสันติ สุขจำลอง ได้เช่าไป 


นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่า นายสันติได้เช่าบ้านอยู่ย่านถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายสันติได้ จากนั้นก็ได้นำตัวไปทำการสอบสวน โดยนายสันติให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายอดิศร หินแก้ว ก่อเหตุลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่หมู่บ้านซิตี้โฮม ก่อนขับรถหลบหนีไปจริง นอกจากนี้นายสันติยังได้รับสารภาพว่า ทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์เก็บไว้ที่ห้องพักพร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในห้องพัก พบทรัพย์สิ่งซึ่งได้มาจากการลักทรัพย์อยู่ภายในห้องพัก ซึ่งมีกล้องถ่ายรูป พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 ตัว เป็นทรัพย์สินที่ได้ลักมาจากบ้านผู้เสียหายภายในหมู่บ้านซิตี้โฮม และมีทรัพย์สินบางรายการเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่วมกับนายอดิศร เข้าไปลักทรัพย์บ้านบริเวณบ้านบางทอง ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2555 


ต่อมาวันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ก้ได้ติดตามจับกุมนายดิสร หินแก้ว ได้ที่หน้าร้านเซเว่นอิเลเว่น ปากซอยธนูเทพ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จากการสอบถาม นายดิศร รับว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่หมู่บ้านซิตี้โฮมกับนายสันติ ก่อนขับรถหลบหนีไปจริง และรับว่ามีทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์เก็บไว้ที่ห้องพัก พร้อมทั้งได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจสอบภายในห้องพักพบทรัพย์สิน ซึ่งได้มาจากการลักทรัพย์อยู่ภายในห้องพัก โดยมีทรัพย์สินเป็นเครื่องประดับหลายรายการ 


และจากการสืบสวนเพิ่มเติม ทั้ง 2 ยังได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อเอซุส สีดำ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ลักมาไปขายให้กับนายบุญพฤกษ์ บุญจิตมงคล ซึ่งพักอยู่ที่ ซีเอช แมนชั่น ถนนศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ในราคา 5,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปทำการตรวจสอบที่ ซีเอช แมนชั่น พบนายบุญพฤกษ์ เดินถือเครื่องคอมฯดังกล่าวลงมาจากซีเอสแมนชั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวทำการตรวจสอบพบว่า เป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกลักไปจริง และนายบุญพฤกษ์ รับว่าได้ซื้อเครื่องคอมฯ มาจากนายอดิศร และนายสันติ โดยทราบว่าเป็นทรัพย์สินที่นายอดิศร และนายสันติ ไปลักมาจริง จึงได้จับกุมนายบุญพฤกษ์ ในความผิดฐาน ลักทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น