จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หน่วยสืบสวนปราบปรามจับกุมสินค้าละเมิด



เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ที่หน้าสำนักงานหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ต ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 (สปป.2 ) สำนักสืบสวนและปราบปราม (สปป.) กรมศุลกากร ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเจริญ ชำนิกลาง หัวหน้าหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ตฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงข่าวการจับกุมสิบค้าเลียนแบบเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ เช่น ไนกี้ เป็นต้น ประเภท เสื้อผ้า รองเท้ากีฬา หมวกแก๊ปอื่นๆ รวมกว่า 1,900 ชิ้น มูลค่าของกลางประมาณ 1.5 ล้านบาท 


ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของกรมศุลกากรในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อกำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งนางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร ได้สั่งการให้นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปราม นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม และนายนิมิต แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามรวมถึงนายสุทธิ แกมเพ็ชร หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1,2 และนายจีระพันธ์ จันทรเพชร หัวหน้างานสืบสวนปราบปรามที่ 4 ได้สั่งการให้ไปดำเนินการวางแผนทำการจับกุมการลักลอบหนีศุลกากรละปกป้องทางสังคมดังกล่าว 


นายเจริญ กล่าวว่า จากการสืบทราบของหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ต ว่าในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 จะมีการขนส่งสินค้าลักลอบหนีศุลกากร บริเวณหน้าบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปยังบริษัทดังกล่าว และเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันดังกล่าว สังเกตเห็นว่ามีการลำเลียงกล่องซึ่งห่อหุ้มด้วยกระสอบสีเขียวจำนวนมากไปวางปะปนกับสินค้าทั่วไปบริเวณลานกองสินค้า จึงได้ทำการเข้าไปตรวจค้นภายในกล่องกระดาษซึ่งห่อหุ้มด้วยกระสอบสีเขียว พบว่ามีร้องเท้ากีฬา รองเท้าสตรี เสื้อเชิ้ตเด็ก เสื้อยืด กางเกงกีฬาขาสั้น เข็มขัด หมวกแก็ป และอื่นๆ ซึ่งเลียนแบบเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ จำนวนรวมกว่า 1,900 ชิ้น อันมีเมืองกำเนิดจากต่างประเทศ ลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร มูลค่ารวมประมาณ 1.5 ล้านบาท 


เจ้าหน้าที่ได้รออยู่ระยะหนึ่งก็ไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ตรวจยึดไว้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าหรือรับซื้อสินค้า หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตาม มาตรา 27,27 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับมาตรา 16,17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 และพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และนำของกลางดังกล่าวส่งด่านศุลกากรภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


อย่างไรก็ตามนายเจริญ กล่าวด้วยว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่พบว่าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นของนายทุนชาวต่างชาติ ซึ่งจะมีการสั่งสินค้ามาจากต่างประเทศจากนั้นก็จะว่าจ้างบริษัทขนส่งสินค้ามายังภูเก็ต เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและจับกุมของเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะกระจายสินค้าดังกล่าวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ป่าตอง กะตะกะรน เกาะพีพี เป็นต้น และในครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานหนึ่งพยายามติดต่อขอเคลียร์ซึ่งจะได้มีการสืบสวนขยายผลต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร 


ทั้งนี้โดยภาพรวมการจับกุมสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าของหน่วยสืบสวนปราบปรามภูเก็ต ใน 2555 มีจำนวนประมาณ 32 คดี มูลค่าสินค้าประมาณ 3.5 ล้านบาท โดยกลุ่มนายทุนทั้งคนไทยและต่างชาติ และจะมีการเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดเรือบรรทุกน้ำมันหลบหนีภาษีได้อีกจำนวน 5 ลำ และรถบรรทุกอีก 1 คัน รวมมูลค่าของกลางประมาณ 50 ล้านบาทด้วย นายเจริญกล่าว 



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น