หลังจากยามาฮ่า ลีกวัน 2012 ได้จบฤดูกาลลง โดยทีมภูเก็ตเอฟซี “ขุนศึกทะเลใต้” อยู่ในอันดับที่ 13 ของตาราง ทำให้ “ปมุข อัจฉริยะฉาย” ประธานกรรมการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป และประธานสโมสร ภูเก็ตเอฟซี ได้ทำการ “รีโนเวท” หรือปรับปรุงทีม โดยเริ่มจาก “โค้ชตู่” พนิพล เกิดแย้ม หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ย้ายมาจาก อาร์มี่ ยูไนเต็ด พร้อมกับทีมงานสต๊าฟโค้ช มาคุมทีมภูเก็ต เอฟซี และได้ผ่าตัดปรับโครงสร้างทีมครั้งใหญ่ ดึงผู้เล่นฝีเท้าดีเข้าสู่ทีม 18 ราย รวมทั้งคัดจาก”โครงการนักเตะภูเก็ต” อีก 6 คน
ทั้งนี้ “ปมุข อัจฉริยะฉาย” ประธานสโมสร กล่าวว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่า มันเป็นภาระอันหนักอึ้งในการเข้ามาเป็นประธานสโมสรภูเก็ต เอฟซี ภาระที่จะต้องหาเงินจำนวนมหาศาลเพื่อทำทีม ทุกคนก็รู้ว่าการทำทีมมีแต่เสียเงิน เหมือนขับรถเบ็นซ์ลงทะเลเดือนละคัน แต่ด้วยคำพูดที่ถูกสบประมาทว่า ไหนใครเขาพูดกันว่าภูเก็ตเมืองเศรษฐี ทำไมปล่อยให้สโมสรตกต่ำถึงขั้นตกชั้น ล่มสลาย ด้วยความรัก ด้วยศักดิ์ศรี ด้วยเกียรติภูมิ ด้วยความเป็นชาวภูเก็ตคนหนึ่ง
จึงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ และลุกขึ้นมาชวนพรรคพวกหมู่กัลยาณมิตรไม่กี่คนมาช่วยกันกอบกู้ศักดิ์ศรี เกียรติยศคืนมาให้ได้ ฉะนั้นขอเชิญพี่น้องชาวภูเก็ตและพี่น้องที่ทำมาหากินอยู่ในจังหวัดภูเก็ตมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อสโมสรภูเก็ต เอฟซี สู่ไทยลีกให้ได้ในปี 2556 โดยปีนี้เราจะใช้เงิน 60 – 70 ล้านทุ่มเงินเพื่อสร้างทีมให้เลื่อนชั้นขึ้นไทยลีก”
ด้าน ”โค้ชตู่” พนิพล เกิดแย้ม หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า การเตรียมทีมตอนนี้ ก็ยังมีผู้เล่นบางคนที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ น่าจะสามารถสมบูรณ์ทันวันเปิดฤดูกาล ที่สำคัญที่สุดคือผู้เล่นทุกคนมีความกระหายในการเล่น เพราะมีผู้เล่นดีๆ เข้ามา และทีมบริหารให้ความสำคัญ พยายามทำทุกวีถีทางเพื่อให้ชาวภูเก็ตมั่นใจในศักยภาพของทีม โดยเฉพาะประธานสโมสร คุณปมุข อัจฉริยะฉาย เน้นย้ำตลอดเวลาว่า ภูเก็ต เอฟซี เป็นของชาวภูเก็ตทุกคน เป็นศักดิ์ศรีของชาวภูเก็ต อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับทีม
“ปีนี้ทุกทีมมีความแข็งแกร่งและมีจุดที่น่ากลัว เพราะดิวิชั่น 1 คือจุดกึ่งกลางที่ทุกทีมมีเป้าที่จะเข้าสู่ดิวิชั่น 1 ก่อนก้าวต่อไปไทยลีกที่ถือเป็นเป็นจุดสุดยอดของวงการฟุตบอล เพราะฉะนั้นงบประมาณการทำทีมเพื่อทำการต่อสู้ ของทุกทีมเท่าเทียมกันหมด ถึงจะมีศักยภาพหรือมีตัวดีๆ แต่ทุกทีมสามารถสอดแทรกขึ้นมาประสบความสำเร็จได้ ส่วนเกมเยือนบีบีซียู สิ่งสำคัญเราต้องเน้นเกมรับ เพราะเกมนอกบ้านการได้แต้มออกมาถือว่าประสบความสำเร็จ แต่แน่นอนเราไม่ทิ้งโอกาสในเกมรุกเพื่อทำประตูให้ได้”
ขณะที่ “นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์” กัปตันทีม ได้กล่าวว่า สำหรับผมคู่แข่งที่น่ากลัวไม่มีนะ ตัวเองมากกว่าที่เป็นคู่แข่ง ถ้าตัวเองดีก็ไม่ต้องมองทีมอื่นแล้วว่าใครดีใครไม่ดี เพราะทุกทีมก็เตรียมตัวมาดีเหมือนกันหมด ต่างก็มุ่งหวังจะไปไทยลีกเหมือนกัน เราต้องมองตัวเองว่าพร้อมแค่ไหน ถ้าเราพร้อมเราก็ไปไทยลีกได้แน่นอน ซึ่งตอนนี้มีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามา ก็ต้องปรับระบบทีมฝึกซ้อมกันเรื่อยๆ แต่ความพร้อมถือว่าโอเค ถึงวันแข่งคิดว่าจะเต็มร้อยทุกคน
สำหรับนักเตะที่ย้ายเข้าอยู่กับ ภูเก็ต เอฟซี ประกอบด้วย จอร์จี้ ซิมาคูริดเซ่ (บางกอกกล๊าส เอฟซี), นินูร์รุดดีน นิเดร์หะ และ สะการียา กอและ (ปัตตานี เอฟซี), ชุน ยากิน, ธนาเทพ เจียระดับ ,อดิศักดิ์ ดวงศรี และดุรงค์ฤทธิ์ ศรีลา (ปตท.ระยอง), เอกอาทิตย์ สมจิตร และมูดูโร่ สวา มอยเซ่ (สุพรรณบุรี เอฟซี), เจฟฟรี่ย์ ดูแม็งก์ (ชลบุรี เอฟซี), ชนะ สนวิเศษณ์ (อีสาน ยูไนเต็ด), ธงชัย กึนขุนทด และกฤษดา สาแก้ว (สิงห์ท่าเรือ), หลุยส์ เอดูอาโด้ ปูร์ชิโน่ “ดูดู้” (โอสถสภา เอ็ม150 สระบุรี), วสัณห์ สังขพันธุ์ (พัทลุง เอฟซี), จูเนียร์ กีมาโร่ "จูนินโญ่" (เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด), ยูซึเกะ ซาโตะ (ระยอง ยูไนเต็ด), วุฒิชัย สุขเสน (มูลนิธิบ้านฟุตบอล (ภูเก็ต)
ส่วนนักเตะโครงการเยาวชนภูเก็ตได้แก่ ธวัฒชัย คงอินทร์, อรัญ แก้วเนตร, อรรควิชช์ เพ็งจันทร์, ศิริพงษ์ พุกกะเวส, ประสิทธิชัย พัฒกอ และเอกลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา (ปล่อยให้ กาฬสินธุ์ เอฟซี ยืมตัว)
โดยนัดแรกเปิดฤดูกาลในฟุตบอลยามาฮ่า ลีกวัน 2013 ทาง”ขุนศึกทะเลใต้” ภูเก็ต เอฟซี จะออกไปเยือนทีม บีบีซียู ซึ่งเป็นทีมที่พึงตกชั้นมาจากไทยพรีเมียร์ลีก ในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2556 ที่ สนามกีฬากองทัพบก โดยเริ่มการแข่งขันในเวลา 18.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น