จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 94,000 ชิ้น กว่า 216 ล.



เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่โรงเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมด้วย นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว 


โดยมีพล.ต.ท.จักรทิพย์ ไชยจินดา ผช.ผบ.ตร. ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญหา และจังหวัดภูเก็ตตลอดจนตัวแทนจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ต่างๆ ผู้แทนจากสหภาพยุโรป และ น.ส.นาตาลี เกโบวา อดีตนางงามจักรวาล เข้าร่วมด้วย 


ซึ่งการทำลายของกลางในครั้งนี้ใช้วิธีการทุบ กรีด และใช้รถบด จากนั้นก็นำเข้าสู่เตาเผา ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 200 นาย 


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ เทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ์ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีผู้แทนจากสหภาพยุโรปมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย โดยของกลางที่นำมาทำลายมีจำนวนทั้งสิ้น 94,120 ชิ้น 


โดยเป็นของกลางจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงานศุลกากรภาค 4 รวมมูลค่ากว่า 216 ล้านบาท ประกอบด้วยสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ละเมิดเครื่องหมายการค้า เช่น แผ่นซีดีเพลง แผ่นดีวีดีภาพยนตร์ นาฬิกาปลอมยี่ห้อต่างๆ เสื้อผ้า เครื่องกีฬา กระเป๋าสตางค์ เครื่องหนัง รองเท้า เป็นต้น 


“สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้เป็นของผิดกฎหมายและจะต้องนำมาทำลาย ซึ่งการทำลายของกลางละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปราบปราม ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้


เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ว่าจะไม่มีสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากลับไปหมุนเวียนในท้องตลาดหรือส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPs) “นายณัฐวุฒิกล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น