เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556 ที่บริเวณสนามชัย ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ถ.นริศร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต นายสุรทิน เลี่ยนอุดม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมืองภูเก็ต และนายรังสรรค์ คงทอง ทนายความ-อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต(ส.อบจ.ภูเก็ต) นำชาวบ้านประมาณ 150 คน คัดค้านการก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังที่ 3
ซึ่งมีแผนงานที่จะก่อสร้างบริเวณบางส่วนของสนามชัยและสนามเทนนิส ตั้งอยู่ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พร้อมป้ายข้อความต่างๆ ติดไว้โดยรอบรั้วสนามชัย เช่น อย่าเอาสนามชัยของหนูไปสร้างศาลากลางนะค่ะ, ร่วมกันปกป้องสนามชัยให้คงอยู่คู่เมืองภูเก็ต, เรากำลังจะสูญเสียลานประวัติศาสตร์ เป็นต้น โดยมีแกนนำสลับขึ้นบนรถกระบะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการคัดค้านการก่อสร้างอาคารศาลากลางหลังที่ 3 ดังกล่าว
หลังจากนั้นก็ได้มีการเดินขบวนข้ามถนนมายังศาลากลังจังหวัดภูเก็ตปัจจุบัน เพื่อยื่นหนังสือต่อนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แต่เนื่องจากเดินทางไปร่วมงานโรดโชว์ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ประเทศเยอรมัน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จึงรับเรื่องแทน และได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้คัดค้านด้วย แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจ และยังคงมีการรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณสนามชัย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส. คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่โดยรอบ
นายสุรทิน กล่าวว่า การมารวมกันนั้น เพื่อแสดงพลังต่อต้านและคัดค้านนโยบายของจังหวัดภูเก็ตที่จะมีการสร้างศาลากลางจังหวัดหลังที่ 3 บนพื้นที่สนามชัยบางส่วนและพื้นที่สนามเทนนิสทั้งหมด โดยใช้ภาษีของประชาชนจำนวนกว่า 450 ล้านบาทในการก่อสร้างตึกขนาดสูง 5 ชั้น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย รวมไปถึงมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนดานฟ้า ซึ่งทางกลุ่มไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างอาคารศาลากลางหลังใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องการให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมกว่านี้ ไม่ใช่มาสร้างบริเวณสนามชัยกับสนามเทนนิสซึ่งอยู่คู่กับจังหวัดภูเก็ตมานาน โดยเฉพาะสนามชัยปัจจุบันถือเป็นลานกีฬาที่มีผุ้คนมาเล่นกีฬากันเป็นจำนวนมากในช่วงเย็นๆ และยังสามารถใช้เป็นพื้นที่หลบภัยของชาไทยใหม่หรือชาวภูเก็ตในช่วงที่เกิดสึนามิ
ประกอบกับปัจจุบันอาคารของศาลากลางก็มีอยู่ 2 หลังใหญ่ โดยหลังแรกสร้างในระหว่างปี 2450-2456 โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือคอซิมบี้ ณ ระนอง เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปหรือเรียกว่า ชิโนโปรตุกีส โดยใช้เป็น ห้องทำงาน ผวจ.หรือ รอง ผวจ. สำนักงานจังหวัด ตลอดจนหน่วยงานรัฐบางหน่วย ส่วนอาคารศาลากลางจังหวัดหลังที่ 2 สร้างภายหลังจากเกิดสึนามิ โดยใช้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาท แต่กลับเป็นการสร้างเพียงห้องประชุมและมีหน่วยงานของรัฐบางหน่วยงานมาใช้พื้นที่เท่านั้น ซึ่งถือว่าใช้งานไม่คุ้มค่ากับเงินภาษี
จนกระทั่งจ.ภูเก็ตได้มีการยื่นของบประมาณจาก ครม.เมื่อปี 39 เรื่อยมา จนปี 2555 ได้เห็นชอบอนุมัติงบ 450 ล้านบาทสร้างศาลากลางจังหวัดหลังที่ 3 โดยตัวอาคารศาลากลางจังหวัดจะสร้างในพื้นที่ที่เป็นสนามเทนนิสทั้งหมด ส่วนพื้นที่บริเวณสนามชัยจะปรับปรุงเป็นสนามหน้าศาลากลางจังหวัดหรืออาจปรับเป็นที่จอดรถชั้นใต้ดิน 190 คัน ซึ่งพวกเราชาวภูเก็ตไม่เห็นด้วยที่จะสร้างบริเวณดังกล่าว และขอให้ไปหาพื้นที่สร้างใหม่ ส่วนสนามเทนนิส และสนามชัยนั้นอยากให้เยาวชนและชาวภูเก็ตได้ใช้เป็นลานกีฬา เพื่อสร้างทัพนักกีฬา และหากจังหวัดยังคงดื้อที่จะเดินหน้าสร้างอีก ชาวภูเก็ตจะยกพลพี่น้องมาต่อต้านอีก นายสุรทินกล่าว
ขณะที่นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การสร้างศาลากลางจังหวัดหลังใหม่หรือหลังที่ 3 บริเวณใกล้สนามชัยซึ่งอยู่ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด เพื่อใช้แทนอาคารศาลากลางจังหวัดหลังเก่าที่มีอายุกว่า 100 ปี และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2520 ควรแก่การอนุรักษ์ไว้ โดยทางจังหวัดภูเก็ตได้เสนอขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณก่อสร้างศาลากลางจังหวัดเรื่อยมา จน ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 จำนวน 450 ล้านบาท เป็นงบผูกพัน 3 ปี (2556-2558) ในการก่อสร้าง โดยใช้พื้นที่ของสนามเทนนิสในการก่อสร้าง และมีการหาพื้นที่ใหม่สำหรับการสร้างสนามเทนนิสแล้ว ส่วนพื้นที่สนามชัยจะมีการขุดใต้ดินเพื่อทำเป็นที่จดรถ ซึ่งจะสามารถจอดได้ 190 คัน ส่วนของสนามชัยก็จะยังคงเช่นเดิม และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จประชาชนก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ
สำหรับอาคารศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ที่จะสร้าง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดความสูง 5 ชั้น ออกแบบและตกแต่งภายในเป็นสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส เป็นเอกลักษณ์ของศาลากลางจังหวัดภูเก็ตไว้ดังเดิม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศาลากลางจังหวัดแก่งเดียวในประเทศไทย มีพื้นที่ใช้สอยรวม 16,600 ตารางเมตร พร้อมลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น