จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รู้ชื่อผู้ต้องสงสัยแฮกเงินตู้เอทีเอ็มออมสินแล้ว 1 ราย

รู้ชื่อผู้ต้องสงสัยแฮกเงินตู้เอทีเอ็มออมสินแล้ว 1 ราย 


เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษาสบ.10 (สัญญาบัตร 10) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ษณกร มั่นเมือง ผกก.สส.1บก.สส.ภ.8 พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รอง ผกก.สส.อ่าวนาง ช่วยราชการ รอง ผกก.สส.ภ.8 ตำรวจท่องเที่ยว พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจต่างๆ ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุประกอบด้วย สภ.เมืองภูเก็ต สภ.วิชิต สภ.ฉลอง สภ.ท่าฉัตรไชย และสภ.สาคู ตลอดจนตัวแทนจากธนาคารออมสินภูเก็ต ประชุมติดตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายก่อเหตุโจรกรรมตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพื้นที่ต่อเนื่อง


ทั้งนี้ก่อนการประชุม พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า คดีนี้ในการติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ใช้รถยนต์วีออสออกไปทางด่านท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต ออกไป จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ก่อนที่จะวกกลับเข้ามาภูเก็ต อีกรอบ ส่วนอีกชุดดำเนินการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และนั่งเครื่องไปก่อเหตุที่กรุงเทพมหานคร กับอีกกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ จ.พังงา รวมจำนวนผู้ก่อเหตุประมาณ 7 คน ใช้รถ 4 คัน ได้แก่ รถยนต์วีออส ฟอร์จูเนอร์ส ซีวิค และอีก 1 คันยังไม่ทราบยี่ห้อ 


“จากแนวทางการสืบสวนเส้นทางการก่อเหตุของคนร้ายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และต่อเนื่องกับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร จนทำให้ทราบสถานที่เช่ารถยนต์ฟอร์จูเนอร์ส และทราบชื่อพาสปอร์ตของผู้เช่า คือ นาย RUSTAM SHAMBASOV อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเดินทางเข้ามาประเทศไทยจากปักกิ่งมาลงที่สนามบินภูเก็ต เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 และบินออกจากประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และจากการตรวจสอบรูปพรรณของนาย RUSTAM SHAMBASOV สอดคล้องกับลักษณะผู้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ภูเก็ตและกรุงเทพมหานคร 


จึงเชื่อได้ว่าจะเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 7 คน ที่ก่อเหตุดังกล่าว และจะได้ให้เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทั้งฝ่ายร้องทุกข์และเทคนิค ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการในส่วนของการออกหมายจับต่อไป รวมการกดเงินของผู้ต้องสงสัยดังกล่าว จำนวน 13 ครั้ง เป็นเงินรวม 3,040,000 บาท โดยมูลเหตุสำคัญที่ดำเนินการตรวจสอบได้ คือ เสื้อยืดที่ผู้ต้องสงสัยสวมใส่มีตัวหนังสือคำว่า DETROIT ” 


พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ในแนวทางการสืบสวนนั้น ได้มอบหมายให้ทาง พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต จะได้ตั้งคณะพนักงานรวบรวม เพื่อรวบรวมคดีทั้งหมดมาดำเนินการ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและต่อเนื่อง รวบรวมคดีไว้ เพราะคดีนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ค่อนข้างละเอียด โดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้ง ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง การท่า ฯ และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบการนำเงินออกนอกประเทศ เพราะเชื่อว่าน่าจะยังไม่สามารถนำออกไปได้ และการตรวจสอบรถยนต์เช่าอีก 2 คันที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด 


สำหรับเส้นทางการกดเงินของผู้ต้องสงสัยจำนวน 13 จุด ทั้งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร ยอดเงินรวม 3,040,000 บาท เริ่มขึ้นหลังจากเดินทางมาถึงจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 ประกอบด้วย จุดแรก เวลา 14.27 น.วันที่ 15 ก.ค.59 หน้าสำนักงานขนส่ง จ.ภูเก็ต ได้เงิน 280,000 บาท จุดที่สอง เวลา 20.44 น.วันที่ 16 ก.ค.59 หน้าบริเวณหน้าไสยวนคลินิก ได้เงิน 80,000 บาท จากนั้นเวลาประมาณ 22.50 น. 


วันที่ 17 ก.ค.59 เดินทางไปสนามบินภูเก็ต เพื่อเดินทางไปที่สนามบินดอนเมือง จุดที่สาม เวลา 05.50 น. วันที่ 21 ก.ค.59 บ้านขนนนันทวัน จ.เพชรบุรี ได้เงิน 1,160,000 บาท ต่อมาวันที่ 25 ก.ค.59 ได้เดินทางกลับมายัง จ.ภูเก็ต และเช่ารถยนต์โตโยต้าฟอร์จูเนอร์ สีขาว ทะเบียน 2 กศ7460 กทม. จุดที่สี่ เวลา 23.27 น.วันที่ 26 ก.ค.59 ที่หน้าไสยวนคลินิก ได้เงิน 80,000 บาท จุดที่ห้า เวลา 14.53 น.วันที่ 27 ก.ค.59 ที่ร้านเรือนพรเภสัช ได้เงิน 120,000 บ.


จุดที่หก เวลา 16.03 น.วันเดียวกัน ที่หน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้เงิน 280,000 บาท จุดที่เจ็ด วันเดียวกัน เวลา 23.16 ที่เจแอนด์พีซุปเปอร์มาร์ก ได้เงิน 240,000บาท จุดที่แปดเวลา 23.29 วันเดียวกัน ที่ร้านเรือนพรเภสัช ได้เงิน 120,000 บาท จุดที่เก้าเวลา 00.18 น. วันที่ 28 ก.ค.59 หน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้เงิน 280,000 บาท จุดที่สิบ เวลา 01.04 น. วันเดียวกัน ที่หน้าไสยวนคลินิก ได้เงิน 80,000 บาท 


จากนั้นได้นำรถมาคืนที่ร้านพีแอนด์ดีทัวร์ บ้านไสยวน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต และนั่งรถแท็กซี่เพื่อขึ้นเครื่องไปลงที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจุดที่สิบเอ็ด เวลา 03.41 น.วันที่ 29 ก.ค.59 ที่บริเวณแฟมิลี่มาร์ก สุขุมวิท 71 กทม. ได้เงิน 240,000 บาท จุดที่สิบสอง เวลา 03.56 ที่บริเวณเซเว่นอีเลฟเว่น สุขุมวิท 49 กทม.ได้เงิน 120,000 บาท และจุดที่ สิบสาม เวลา 02.16 วันที่ 31 ก.ค.59 ที่แฟมิลี่มาร์ก สุขุมวิท 71 กทม. ได้เงิน 240,000 บาท จากนั้นได้ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 10.00 วันที่ 1 ส.ค.59 เดินทางต่อไปที่สนามบินมอสโคว ประเทศรัสเซีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น