จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ที่ปรึกษาผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจตู้เอทีเอ็มออมสิน

ที่ปรึกษาผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจตู้เอทีเอ็มออมสิน 
เร่งรัดตรวจสอบข้อมูลร้านบริการถเช่าภูเก็ต 


เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2559 พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ.10 (สัญญาบัตร 10) พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบจุดเกิดเหตุตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน ซึ่งติดตั้งหน้าร้านเจแอนด์ พี ซุเปอร์มาร์ท ต.ไม้ขาว อ.ถลาง กับตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านซีพี เฟรช มาร์ท สาขาภูเก็ต ถ.ศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็น 2 ใน 5 ตู้ที่ถูกคนร้ายขโมยเงินไป โดยมี พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.อาคม สายสมัย รอง ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียด



โดยพล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวภายหลังการตรวจสอบพื้นที่ ว่า จุดเริ่มต้นที่คนร้ายดำเนินการนั้นเริ่มจาก จ.พังงา ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 ซึ่งคนร้ายใช้เวลาค่อนข้างนาน ได้เงินไป 4.5 ล้านบาทเศษ ซึ่งคนร้ายชุดนี้มีปรากฏภาพชัดเจน 1 คน ขณะที่ 2 คน ไม่ชัดเจนมากนัก รวมถึงในส่วนของยานพาหนะที่ใช้ก็ไม่ชัดเจน ซึ่งจะได้มีการเผยแพร่ออกไป เพื่อให้ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันแจ้งเบาะแส และคาดว่าชุดที่ก่อเหตุดังกล่าวน่าจะเป็นระดับหัวหน้า 


หลังจากนั้นประมาณวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2559 ได้มาดำเนินการกับตู้หน้าร้านซีพี เฟรช มาร์ท สาขาภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเป็นตู้หลักหรือตู้มาสเตอร์ เพื่อเป็นตู้ควบคุมจากการควบคุมพบว่ามีการควบคุมไปยังตู้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 2 ตู้ “สิ่งบอกเหตุ คือ เมื่อมีการดำเนินการควบคุมตู้ไปในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีคนร้าย 2 ชุด โดยชุดหนึ่งใช้รถฟอร์จูนเนอร์ส สีขาว เริ่มปฏิบัติการในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา 


โดยตระเวนกดเงินด้วยการใช้การ์ดซึ่งทำมาจากประเทศอังกฤษ หรือ ยูเค เมื่อเสียบบัตรเข้าไปและกดยกเลิกก็จะมีเงินออกมา ซึ่งทำลักษณะเช่นนี้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวน 5 ตู้ ตั้งแต่บริเวณพื้นที่บ้านท่าฉัตรไชย เรื่อยมาในตัวเมืองภูเก็ต และไปจบที่พื้นที่ใกล้กับสนามบินภูเก็ต เวลา 01.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 โดยเราเชื่อว่าหลังจากนั้นคนร้ายก็ได้นั่งเครื่องบินไปที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นกลุ่มคนร้ายดังกล่าวซึ่งมี 1-2 คน ออกจากสนามบินไปกดเงินตู้แรกในพื้นที่บางนา สาขาไปรษณีย์ เมื่อเวลาประมาณสามนาฬิกา ของวันที่ 29 กรกฎาคม 


จากนั้นมากดในพื้นที่สุขุมวิท 23 โดยมีการปิดบังใบหน้า ลักษณะรูปร่างเป็นชาวยุโรป ต่อมาในเวลา 21.00 น. วันเดียวกันได้ไปเงินในพื้นที่วิภาวดีรังสิต และในเวลาต่อมาก็กดอีกหนึ่งครั้งในพื้นที่ดังกล่าว รุ่งเช้าอีกวัน (30ก.ค.) เวลาประมาณ 20.00 น. เริ่มกดที่วิภาวดีรังสิต จากนั้นเวลาประมาณสามนาฬิกา บริเวณสุขุมวิท และบางนาอีกรอบ ซึ่งเป็นชุดที่ดำเนินการที่ภูเก็ต ก่อนจะไปกดต่อที่กรุงเทพฯ” ส่วนคนร้ายอีกชุด ใช้รถวีออสสีขาว เชื่อว่าออกจากภูเก็ตในวันที่ 31 กรกฎาคม โดยกดครั้งแรกวันที่ 1 สิงหาคม เวลาประมาณเที่ยงคืน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ตู้ 


ต่อจากนั้นไปดำเนินการต่อที่ จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี จากนั้นย้อนกลับมาที่ จ.ภูเก็ต ในส่วนของคนร้ายจึงสามารถจำลองภาพได้ คือ ชุดใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมดำเนินการที่ จ.พังงา ในช่วงเดือนมีนาคม ส่วนอีกชุดมาติดตั้งอุปกรณ์ใน จ.ภูเก็ต ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม รวมไปถึงในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีด้วย เนื่องจากมีภาพวงจรปิดปรากฏ และอีกชุดก็เริ่มปฏิบัติการกดเงิน คาดว่าจะเป็นชุดเดียวกันกับชุดติดตั้งอุปกรณ์โดยใช้รถฟอร์จูนเนอร์สสีขาวในภูเก็ต จากนั้นเอารถจอดไว้ และเดินทางไปดำเนินการที่กรุงเทพ ก่อนจะกลับมาที่ภูเก็ต ส่วนอีกชุดใช้รถยนต์วีออสกดเรื่อยไปจนถึงเพชรบุรี 


พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเงินจากตู้เอทีเอ็มที่กดได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เบื้องต้นที่ได้รับแจ้งจำนวน 1 ล้านบาทเศษ เหตุที่ภูเก็ตได้น้อย อาจเป็นเพราะเงินในตู้มีน้อย หรือคนร้ายอาจจะอยู่ในพื้นที่จึงทำให้ไม่เกิดความเสียหายมากนัก ทั้งนี้เชื่อว่ารถที่ใช้ ทั้งวีออสสีขาวและรถฟอร์จูนเนอร์ส เป็นรถที่เช่าในพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งหากร้านเช่าใดเห็นว่ามีจีพีเอสที่ปรากฏในการนำรถมาคืนในช่วงดังกล่าว ในพื้นที่สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี จนถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบด้วย รวมไปถึงในส่วนของรถยนต์ซีวิคสีขาว ซึ่งพบว่ามีการนำมาใช้ในการกดเงินด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ารถดังกล่าวเช่าจากร้านใด


ซึ่งหากทราบจะทำให้เกือบหน้าได้มากกว่านี้ ในส่วนของคนร้ายนั้นก็มีข้อมูลที่จะติดตามได้หลายทาง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด อยู่ระหว่างการติดตาม ที่สำคัญที่สุด คือ ติดตามเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางหรือพาสพอร์ต เพราะเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนต่างชาติ เพื่อจะได้ออกหมายจับได้ชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าเป็นต่างชาติทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นในส่วนของคน ไทยซึ่งอาจจะช่วยเหลือบางอย่าง ส่วนจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะมีจำนวนไม่เกิน 10 คน กรณีของพนักงานธนาคารฯ ในชั้นสอบสวนยังไม่พบความเกี่ยวพัน ซึ่งพยายามสืบสวนในส่วนต่างๆ หากมีเบาะแสก็สามารถแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ได้ รวมทั้งอยากขอร้องว่า หากพบเห็นผู้ที่ยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มเป็นเวลานาน และเป็นชาวต่างชาติ ในช่วงเวลากลางคืน ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพราะกรณีนี้เบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวยุโรปตะวันออก ซึ่งจะมีการปิดบังหน้าตา เพราะหากเป็นสุจริตชนก็ไม่ปฏิบัติเช่นนั้น พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น