จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

2 คนร้ายบุกชิงทองในร้านทองกลางเมืองภูเก็ต

2 คนร้ายบุกชิงทองในร้านทองกลางเมืองภูเก็ต
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 54 พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปิ่นแก้ว สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากนางสิริลักษณ์ ธเนศธนสมบัติ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านทองธเนศ 1 เลขที่ 107 หน้าตลาดสด 2 เทศบาลนครภูเก็ต หรือตลาดเกษตร ถ.ติลก ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คนบุกเข้ามาชิงสร้อยคอทองคำ แล้วขี่รถ จยย.หลบหนีไป หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง.ผกก.ป.พ.ต.ท.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ รอง.ผกก.จร.พ.ต.ท.วิจักษณ์ ตารมย์ สว.สส.พ.ต.ท.วีรวัฒน์ ชำนาญกิจ สวป.เจ้าหน้าสายตรวจ เจ้าหน้าชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิชสูง 3 ชั้น อยู่ด้านหน้าของตลาดเกษตร โดยประตูหน้าร้านเป็น อัตโนมัติควบคุมจากเคาน์เตอร์ภายในร้าน โดยรอบๆ ตู้โชว์ทอง และมีเคาเตอร์ โดยบนเคาเตอร์มีอลูมิเนียมตีเป็นลูกกรงอย่างแน่นหนา เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง ก็พบกับ พบนางสาวพวงเพ็ญ แซ่หลิม และลูกจ้างชาวมอญอีก 1 คน ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ สอบถามทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีดำมาจอดที่หน้าร้าน คนแรกสูงราว 170 -175 ซม.ลักษณะสูงขาวและมีเขี้ยว อายุประมาณ 21 – 22 ปี ใส่หมวกแก๊ปสีดำ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินเดินมายืนหน้าร้าน โดยมีชายวัยรุ่นสูงราว 160-165 ซม.สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ เดินตามเข้ามา จากนั้นพนักงานได้เปิดประตูอัตโนมัติให้ชายที่ใส่หมวกแก๊ปสีดำเดินเข้ามายืนที่หน้าตู้โชว์ทอง โดยมีลูกกรงกั้นกลาง โดยที่ชายที่ตามมาข้างหลังยืนอยู่ใกล้กับประตูกระจก ทำให้ทางร้านปิดประตูไม่ได้ จากนั้นชายคนที่เข้ามาในร้านทำทีจะซื้อสร้อยคอหนัก 3 บาท พนักงานหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทมาให้เลือกแบบทั้งถาด จากนั้นคนร้ายได้กระชากถาดกำมะหยี่สีแดงที่มีสร้อยคอจากมือแล้ววิ่งออกไป แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านหลบหนีไป
ในระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ได้มีผู้พบเห็นรถต้องสงสัยไปจอดทิ้งไว้ภายในไปรษณีย์ภูเก็ต ถ.มนตรี ห่างจากร้านทองราว 2 กม.จึงได้ให้เจ้าหน้าที่สายตรวจพร้อมทั้งชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบพบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขจค 550 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถเช่า โดยเช่ามาจากร้าน SUTHEP CARREMT โดยเจ้าหน้าที่พบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้นตกติดอยู่ที่วางเท้าคนขับ แต่ไม่พบคนร้าย แต่อย่างไร เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ภูเก็ตได้เก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้ายจากสร้อยไว้เป็นหลักฐานเพื่อติดตามคนร้าย
ทั้งนี้จากการสอบถามนางสาวพวงเพ็ญ แซ่หลิม อายุ 47 ปี ผู้ดูแลร้านทองธเนศ 1 เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. คนร้ายลักษณะสูงขาวและมีเขี้ยว อายุประมาณ 21-22 ปี ทำทีมาขอดูทองรูปพรรณน้ำหนักเส้นละ 2 บาท จากนั้นได้บอกว่าลายไม่ถูกใจ และได้ออกจากร้านไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 30 นาทีก็ได้กลับเข้ามาที่ร้านอีกครั้งพร้อมบอกว่าไปดูร้านอื่นมาแล้วแต่ค่ากำเหน็จแพง จึงขอดูทองรูปพรรณโดยในครั้งนี้ขอดูน้ำหนักเส้นละ 3 บาท ซึ่งเด็กในร้านก็ยกมาให้ดูทั้งถาด ระหว่างนั้นคนร้ายก็ได้ใช้มือจับถาด แล้วกระชากถาดอย่างแรงออกจากมือเด็กในร้าน แล้ววิ่งหนี่ออกไปนอกร้าน ตนก็ได้ออกมาไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน และในระหว่างวิ่งกลับ ก็พบสร้องทอง จำนวน 6 เส้น ตกอยู่ที่พื้นภายในร้าน และได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบทองหล่นติดอยู่ที่รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุอีก 1 เส้น ทั้งนี้ทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปประมาณ 12 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวมน้ำหนัก 36 บาท มูลค่ากว่า 9.5 แสนบาท โดยแต่ละเส้นจะมีตราสัญลักษณ์ของร้านทุกเส้น
และจากการสอบถามร้านเช่ารถจยย. SUTHEP CARREMT ที่คนร้ายได้นำไปก่อเหตุก็ทราบว่า คนที่มาเช่ารถได้เช่าไปเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 28 ตุลาคม อ.เมืองภูเก็ต โดยคนเช่าคือ นายเตชิน กองสีนนท์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189/7 หมู่ 1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบัตรประจำตัวประชาชนนายเตชินมาให้เจ้าของร้านดู ปรากฏว่า ทั้งเจ้าของร้านและพนักงานยืนยันว่าเป็นคนๆ เดียวกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุ ชุดสืบสวนจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านพัก แต่ไม่พบ ซึ่งคาดว่ายังคงกบดานอยู่ภายใน จ.ภูเก็ต โดยได้ประสานยังด่านตรวจภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลางตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยตามยานพาหนะต่างๆ ที่จะออกนอกเกาะตลอด 24 ชม.ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ในวันที่ 29 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.54ที่ผ่านมา ร้านทองธเนศ 2 ซึ่งเป็นสาขาของร้านดังกล่าว ตั้งอยู่บน ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ได้ถูกคนร้ายบุกเดี่ยวใช้ปืนปลอมปล้นสร้อยคอทองคำหนักกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาทมาแล้ว ซึ่งเจ้าของร้านได้ตั้งค่าหัวนำจับ 2 แสนบาท และได้สามารถนำทองกลับมาจะให้อีก 30 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักทอง แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นที่ร้านทองธเนศ ถ.ติลก อ.เมืองภูเก็ต ห่างกันเพียง 4 เดือนเศษเท่านั้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น