จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

“ดำรงค์ พิเดช” ทิ้งทวนสั่งแจ้งความดำเนินคดี



เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2555 ที่ศูนย์อำนวยการตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปราม การบุกรุก ยึดถือครอบครองเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีฯ และคณะได้มาตรวจติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธการทวงคืนผืนป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
หลังจากที่ได้มีการมอบหมายให้นายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 10 แห่ง จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิและการก่อสร้างอาคารโรงแรมที่พัก และรีสอร์ทหรู ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ


ทั้งนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบแต่ละหน่วยงาน ประกอบด้วย 1.โรงแรมภูเก็ตอาเคเดียในทอนบีช รีสอร์ท เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 34.6 ไร่ จากการตรวจสอบสรุปว่า เอกสารสิทธิออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะมีการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่และเพิกถอนเอกสาร และจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิและเพิกถอนเอกสารสิทธิ 2.โรงแรมภูเก็ตเพนนิซูล่า สปาแอนด์รีสอร์ท เอกสารสิทธิเนื้อที่ 5-2-30 ไร่ 3.บริษัท ลาคอรีน จำกัด เอกสารสิทธิเนื้อที่ 20-3-33 ไร่ 4.บ้านฝรั่ง เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 7-1-07 ไร่ 5.บริษัท แลนด์สเตรท จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 99-0-32 ไร่ 


6.บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 121-2-30 ไร่ 7.บริษัท สุรีย์สัมฤทธิ์ จำกัด และมาลัยวนา เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 43-0-0 ไร่ 8.ที่ดินครอบครองโดยบุคคลธรรมดา 1 ราย (นางสุชาดา สังข์สุวรรณ) เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 0-2-00 ไร่ 9.บริษัท พาวิลเลี่ยน บีช รีสอร์ท จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 25-2-49 ไร่ 10.บริษัท อันดามันไวท์บีช จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 96-2-70 ไร่ 11.บริษัท ลายันภูเก็ต จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 17-3-32 ไร่ และ 12. บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ ซิตี้ ดีวีลอปเม้นท์ เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 25 ไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เป้าหมายที่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมที่มีการตรวจพบมีการออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานฯ เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ 


ทั้งนี้ผลการตรวจสอบเอกสารสิทธิของที่ดินแต่ละแปลงดังกล่าว พบว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบจำนวน 9 โครงการ โดยจะได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิและเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป และมี 1โครงการ คือ บริษัทพาวิลเลี่ยน บีช รีสอร์ท จำกัด พื้นที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ ส่งเรื่องให้กรมป่าไม้ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบว่ามีการนำ ส.ค. บินและบวมมาใช้ในการออก น.ส.3 และ น.ส.3 ก รวมทั้งการออกโฉนด ซึ่งมีการทำกันเป็นกระบวนการและค่อนข้างซ้ำซ้อน หากไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดก็จะไม่พบความผิดปกติ 


หลังจากรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานแล้ว อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะได้ลงตรวจสอบพื้นที่หลักมุดที่ 1 และหลักมุดที่ 193 ระบุแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแหลมสน ซึ่งหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับ ส.ค.1 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งานของนางเชย เพชรกุล เจ้าของ ส.ค.1 ที่ถูกต้อง 1 ใน 2 รายที่ได้รับการรับรองและเป็น ส.ค.1 ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปออกเอกสารสิทธิต่างๆ ของที่ดินหลายแปลงซึ่งคาบเกี่ยวกับเขตของอุทยานฯ เพื่อก่อสร้างโรงแรมที่พักและรีสอร์ทหรู 


นายดำรงค์ กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปและลงตรวจสอบพื้นที่หลักมุดที่ 1 ว่า เป็นการมาติดตามผลการทำงานของเจ้าหน้าที่บริหารพื้นที่อนุรักษ์ ต่างๆ จากทั่วประเทศ ในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้บุกรุกถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกรณีการออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย 


ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกชุดได้ดำเนินการครบถ้วนทุกขั้นตอน และได้เริ่มมีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเกือบทั้งหมด ซึ่งก็จะได้แจ้งข้อกล่าวหาไปยังสำนักงาน ปปช. กรมที่ดิน และส่วนหนึ่งก็จะแจ้งดำเนินคดีตามขั้นตอนพนักงานสอบสวน รวมทั้งการส่งฟ้องศาล เพื่อให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ทั้งในส่วนที่มีการออกเอกสารสิทธิส่วนที่เกินเข้ามาในเขตอุทยานฯ ก็ เสนอให้มีการเพิกถอน 


“จากการที่ได้มาดูหลักเขตที่ 1 ของในการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 ซึ่งจะเชื่อมโยงตามแนวรังวัด และ สค.1 ของนางเชย เพชรกุล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการออกเอกสารสิทธิอื่นๆ จะเกี่ยวโยงกับแนวเขต ส.ค.1 ของนางเชย เพชรกุล ซึ่งมีการนำไปออกเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงต่างๆ และพบว่าเป็นที่ดินซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ โดยจากการตรวจสอบและมีการแปลภาพถ่ายทำให้มีความชัดเจนว่าพื้นที่ใดเป็นของนางเชย และพื้นที่ได้เป็นแนวเขตของอุทยานฯ” 


นายดำรงค์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการตรวจสอบการบุกรุกและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินอุทยานฯ เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ จากเดิมที่กำหนดให้มีการตั้งชุดปฏิบัติงานลงมาตรวจสอบจำนวน 400 ชุด ได้มีการลดจำนวนลงมาเหลือ 366 ชุดละ 6 คน เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ไปเพียงพอ โดยจะได้เซ็นต์คำสั่งแต่งตั้งก่อนที่ตนจะเกษียณอายุราชการ และชุดปฏิบัติงานดังกล่าวก็จะใช้ดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในอุทยานฯต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ แต่จะนำร่องที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ 


ส่วนการลงพื้นที่ปฏิบัติงานคาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณเดือนตุลาคม เพราะจะต้องมีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติงานและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือขึ้นอยู่กับอธิบดีคนใหม่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรและเชื่อว่าก็จะต้องมีการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นก็ต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่าทำไมไม่ดำเนินการ 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น