จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตร.รวบคนอ้างชื่อผู้การ ขอเงินรับรองนาย



เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 พ.ต.ท.ยงยุทธ กองมาลัย สารวัตรเจ้าของคดี ได้นำตัวนายเชาวโรจน์ แจ้งจบ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/446 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง โดยหลอกลวงว่าเป็นผู้อื่น มาสอบสวนเพิ่มเติม โดยมีของกลางประกอบด้วยเงินสดจำนวน 8,500 บาท รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีบอร์นเทา หมายเลขทะเบียน กบ 8590 ภูเก็ต และโทรศัพท์มือถือ หมายเลขที่ใช้ในการกระทำความผิด

 
ทั้งนี้ก่อนการจับกุม นายไพรัช แซ่อุ๋ย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/220 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ยงยุทธ กรองมาลัย พนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ให้ดำเนินคดีกับนายเชาวโรจน์ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงผู้อื่น” เนื่องจากผู้เสียหายเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ทำการแอบอ้างโดยนำชื่อของผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และชื่อของรองผบช.ภ.8 มาขอเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าจะนำเงินไปช่วยเหลือค่าจัดเลี้ยง และค่าดูแลผู้ใหญ่ต่างๆ มาแล้วจำนวน 41 ครั้ง โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์หมายเลข 091-0255591 อ้างว่าเป็นผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ให้โอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 8852351948 ชื่อนายพงษ์ศักดิ์ ลิ่มแซ่ง ซึ่งแจ้งว่าเป็นคนขับรถของผบก.ภ.จว.ภูเก็ต

และล่าสุดเมื่อเวลา 18.45 น.ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 ผู้ต้องหาก็ได้ใช้โทรศัพท์เบอร์เดิม โทรเข้าหาผู้เสียหายอีกครั้ง โดยให้ผู้เสียหายเตรียมเงินสดจำนวน 8,500 บาท เพื่อนำไปให้ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตโดยอ้างว่าเอาไปเป็นค่าอาหารเลี้ยวรับรองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลเกาะแก้ว โดยให้ผู้เสียหายนำเงินจำนวนดังกล่าวมามอบให้ที่สมาคมตระกูลหย่าง แซ่เอี๋ยว ในเวลา 21.30 น.ของคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555
เมื่อทราบเช่นนั้น ทางพล.ต.ท.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้สั่งการณ์ให้พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และพวก ได้ทำการวางแผนจับกุม โดยให้ผู้เสียหายนำธนบัตรจำนวนดังกล่าว มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นก็ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ใกล้บริเวณจุดนัดหมาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ผู้ต้องหาก็ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้ามาจอดที่บริเวณใกล้ที่นัดหมาย แล้วเดินเข้าไปยังภายในสมาคม เพื่อทำการส่ง รับมอบเงิน เมื่อผู้ต้องหาได้เงินแล้ว ก็ได้นำใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้เดินกลับมาที่รถยนต์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว และได้ทำการตรวจค้นก็พบเงินจำนวน 8,500 บาทซึ่งมีหมายเลขตรงกับที่ลงประจำวันเอาไว้ อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านข้างขวาที่ผู้ต้องหาสวมอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม

และจากการสอบสวนเพิ่มเติมนายเชาวโรจน์ ก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้มีพฤติกรรมดังกล่าวมาหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง ส่วนเงินที่หลอกเอามานั้นประมาณ 1.5 ล้านบาท เมื่อได้มาก็จะนำไปเล่นการพนัน ซึ่งนายเชาวโรจน์ก็ยอมรับผิด พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย โดยจะทยอยจ่ายให้กับผู้เสียหาย และในระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ ก็ได้มีพนักงานสอบสวนอีกหลายราย ได้มาดูตัวผู้ต้องหา เนื่องจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีอยู่หลายรายเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น