จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สสค.ดึงระบบดูแลเด็กจากแม่ฮ่องสอนมาใช้ที่ภูเก็ต



เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 ที่ห้องประชุมโรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายบัณฑูร ทองตัน ประธานคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐานทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องของการปฏิรูปการเรียนรู้ ระหว่าง สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ทีมผู้พัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐานการศึกษา จากมหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลพื้นที่ทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต 



โดยมี นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต, นาย ประสงค์ สังข์ไชย ที่ปรึกษา สสค.นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน นักวิชาการ สสค.ทีมผู้พัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐานการศึกษา จากมหาวิทยาลัยนเรศวรตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม 


สำหรับการประชุมดังกล่าวสืบเนื่องจากคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐานทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับการนำระบบดูแลเด็กรายกรณีที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร และที่มีการใช้งานอยู่จริงที่แม่ฮ่องสอนกับผู้ทรงคุณวุฒิและคณะทำงานของ สสค.เพื่อนำมาศึกษาและนำมาใช้ที่ภูเก็ต 


นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน นักวิชาการ สสค.กล่าวว่า การประชุมร่วมกันในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าการที่มีข้อมูลเบื้องต้นของเด็กและเยาวชนทุกคน เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้การวางแผนนโยบายสอดคล้องตรงกับปัญหา ดังนั้นการมีฐานข้อมูลจึงเป็นงานชิ้นแรกที่จำเป็นต่อการทำงาน โดยทาง สสค.ทำงานวิจัยร่วมกับทีมมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งผ่านการทดสอบการใช้งานจริงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมาระยะหนึ่งแล้ว ในการดูแลเด็กที่ด้อยโอกาส และเป็นเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนอกระบบการศึกษา 


“ขณะนี้อยู่ในช่วงของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การนำผลสำเร็จจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาประยุกต์ใช้กับจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำมาดูแลงานด้านเยาวชนของภูเก็ต เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลได้อย่างที่ควรจะเป็น เป็นเรื่องของการลงทุนเพื่ออนาคตของคนภูเก็ต ซึ่งจากการรายงานของนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ทราบว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด มีปัญหาซ้อนปัญหา ดังนั้นทางภูเก็ตเองจะต้องค้นหาปัญหาให้เจอ และขณะนี้อยู่ในช่วงของการศึกษาเพื่อวางแผนในการแก้ปัญหาให้ถูกต้องตรงกับปัญหาจริงๆ” 


นายพัฒนะพงษ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาแต่ละจังหวัด และตัวกลุ่มปัญหาจะมีความแตกต่างกัน โดยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีปัญหาเรื่องของเด็กยากจน รวมถึงเด็กพิการ ด้อยโอกาส ส่วนภูเก็ตไม่ใช่ แต่จะเป็นปัญหาของแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ เด็กในพื้นที่ชุมชนแออัด ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะ และแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีชาวต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ คือ การหาข้อมูลของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ เพื่อที่ทาง สสค.จะได้ตามหาตัวเด็กให้เจอ และเพื่อกำหนดแนวทางว่า สสค.จะเข้ามาดูแลเด็กในกลุ่มต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น