จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

2 ใน 11 รายชื่อถูกกล่าวหาแจ้งความเอาผิดอธิบดี DSI



เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2556 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายธรรมวรรธ วงศ์เจริญยศ อายุ 50 ปีอยู่บ้านเลขที่ 258/41 หมู่ 3 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กับนายศิวะ เสียงหย่อง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/8 ถ.สุทัศน์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็น 2 ใน 11 รายชื่อ ที่ถูกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ระบุว่า 


มีส่วนพัวพันกับรถแท็กซี่ป้ายดำบางส่วน และบางรายมีผลประโยชน์ทางด้านการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมายในการประชุมและวางแนวทางการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวของศูนย์ปฏิบัติร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว (ศปอท.) พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสวบสวนคดีพิเศษ ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง กับ ร.ต.ท.ไกรสร ภาคอารีย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต 


นายธรรมวรรธ กล่าวถึงการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า เนื่องจากได้รับความเสียหายจากกรณีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เปิดเผยรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังแท็กซี่ป้ายดำ และระบุชื่อตนว่าเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลดังกล่าวผ่านทางสื่อมวลชน และข่าวดังกล่าวกระจายไปทั่วโลก ทั้งๆ ที่ตนไม่มีมีรถแท็กซี่ป้ายดำในการดูแลแม้แต่คันเดียว 


และการกล่าวหาดังกล่าวก็ไม่เป็นความจริง ตนเป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ประกอบอาชีพทางด้านการท่องเที่ยวมากว่า 10 ปี โดยมีการเปิดบูธรับจองโรงแรมที่พักอยู่ในสนามบินภูเก็ต บริการเก้าอี้นวดไฟฟ้า ถ่ายภาพทำวีซ่า รวมจำนวน 5 บูธ ซึ่งขณะนี้สัญญาหมดไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา และทางการท่าฯ ไม่ได้ต่อสัญญาให้กับตนอีก 


“ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ไปดังกล่าวทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย เพราะไม่เป็นความจริง และไม่มีกลั่นกรอง เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาตนในฐานะของประธานผู้ประกอบการร้านค้าในสนามบินภูเก็ต ได้เรียกร้องเรื่องการต่อสัญญาในการขายสินค้าในสนามบินให้นานขึ้น และเมื่อสัญญาเช่าพื้นที่หมดลงก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาอีก ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ร่วม 100 ราย ยังคงมีการเปิดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ ประกอบกับตนเป็นคนหนึ่งที่ทำกิจกรรมด้านสังคมในภูเก็ตมาโดยตลอด รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในคณะผู้ประนีประนอมคดีประจำศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเป็นอุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ตด้วย เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ตนจะยืนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร” 


นายธรรมวรรธ กล่าวด้วยว่า จากการปรึกษาผู้ที่นับถือ ได้ให้คำแนะนำให้เข้าแจ้งความดำเนินคดี และตนก็จะดำเนินคดีกับอธิบดีดีเอสไอให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ตนก็จะเดินทางไปยื่นหนังสือและชี้แจงข้อเท็จจริงกับดีเอสไอที่ส่วนกลาง รวมทั้งอยากเรียกร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะออกมาเผยแพร่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการเข้ามาพูดคุยกันมาก่อน และเรื่องดังกล่าวก็สร้างความเสียหายให้กับตนเป็นอย่างมาก ตลอดจนอยากให้ตรวจสอบด้วยว่าใครกันแน่ที่เป็นมาเฟียตัวจริง ” 


ขณะที่นายศิวะ เสียงหย่อง หนึ่งใน 11 รายชื่อดังกล่าว บอกว่า พอได้ทราบข่าวว่าตนมีชื่ออยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพลค่อนข้างตกใจมาก เพราะตนไม่มีรถแท็กซี่ป้ายดำในสนามบินแม้แต่คันเดียว มีเพียงบูธในสนามบินภูเก็ต 2 บูธ ที่ให้บริการรับจองห้องพักและขายทัวร์ ซึ่งทำธุรกิจด้านท่องเที่ยวมาเป็นเวลาร่วม 14 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในสนามบินภูเก็ตมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้แม้สัญญาจะสิ้นสุดแล้วก็ยังคงประกอบการอยู่เช่นเดิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าดีเอสไอ.เอาข้อมูลมาจากไหน และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มาสอบถามข้อมูลอะไรจากตนเลย จึงอยากจะขอความเป็นธรรมกับดีเอสไอด้วย พร้อมกันนี้ก็อยากให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทราบด้วย เพราะเรื่องนี้ได้ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียง 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น