จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กวาดล้าง 3 วัน ได้ผู้ต้องหาทั้งไทยและเทศจำนวนมาก



เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค 3) เป็นประธานการแถลงข่าว ผลการจับกุมคดีต่างๆ ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และหน่วยปฏิบัติการร่วม รวม 7 หน่วย ประกอบด้วย กก.ตชด.42, กก.8 บก.รน., กก.2 บก.ปส.4 บช.ปส.,ตม.จว.ภูเก็ต,ตม.ทอ.ภูเก็ต,ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. และ กก.5 บก.ทท. ตามแผนการระดมกวาดล้าง ระยะเร่งด่วนตั้งแต่วันที่ 16-31 สิงหาคม 2556 และระยะต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2556 


เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับฯ จากทุกสถานี ผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และข้าราชการทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางในคดีต่างๆ ที่มีการระดมกวาดล้างได้ ในช่วงระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคมที่ผ่านมา มาร่วมแถลงด้วย 


สำหรับผลการปฏิบัติงาน ด้านการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์แวดล้อมเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ซึ่งมีการตรวจสอบหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยว จำนวน 1,289 ราย ส่วนใหญ่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 77 ราย ผู้ต้องหา 77 คน, ชาวต่างชาติประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต 15 ราย ผู้ต้องหา 17 คน และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 26 ราย ผู้ต้องหา 26 คน 


ผลการดำเนินการเกี่ยวกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพล จำหน่ายสินค้าและบริการโดยมีพฤติกรรมหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบ ข่มขู่ ทำร้ายนักท่องเที่ยว มีการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 28 ราย ผู้ต้องหา 28 คน, การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด มีการดำเนินการ 102 จุด มีผลการจับกุมที่จุดตรวจจุดสกัดจำนวน 111 ราย ผู้ต้องหา 111 คน, ผลการปิดล้อมตรวจค้น มีการดำเนินการ 20 จุด มีผลการจับกุม 29 ราย ผู้ต้องหา 29 คน, การตรวจสอบสถานบริการ แหล่งมั่วสุม และสถานที่ล่อแหลมต่อการเกิดอาชญากรรม เช่น ร้านคาราโอเกะ ร้านเกม สวนสาธารณะ มีการดำเนินการ 467 แห่ง จำนวน 489 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดรถต้องสงสัย มีการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 14 คัน และจัดทำประวัติกลุ่มเสี่ยง 332 ราย 


ในส่วนของผลการจับกุมคดีต่างๆ มีการจับกุม 284 ราย ผู้ต้องหา 295 คน ที่สำคัญ เช่น การจับกุมตามหมายจับคดีค้างเก่า 7 ราย ผู้ต้องหา 7 คน, อาวุธปืน/เครื่องกระสุนปืน จับกุม 14 ราย ผู้ต้องหา 15 คน, ยาเสพติด จับกุม 39 ราย ผู้ต้องหา 41 คน, ละเมิดลิขสิทธิ์/เครื่องหมายการค้า จับกุม 28 ราย ผู้ต้องหา 28 คน, รถรับจ้างผิดกฎหมาย 83 ราย ผู้ต้องหา 83 ราย ติดต่อชักชวนแนะนำตัวเพื่อการค้าประเวณี 44 ราย ผู้ต้องหา 44 คน เป็นต้น 


พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวด้วยว่า พอใจกับผลการจับกุมคดีต่างๆ ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และหน่วยปฏิบัติการร่วมในพื้นที่ ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีการจับกุมผู้กระทำผิดได้หลายข้อหา แต่ละข้อหาล้วนกระทบต่อภาพพจน์และการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทั้งสิ้น เช่น หมายจับค้างเก่าสามารถจับกุมได้ถึง 7 ราย และ 1ใน 7 หมาย มีข้อหาหนัก คือ ฆ่าคน และยังมีชาวต่างชาติที่ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย นอกจากนั้นยังมีความผิดทางอาญาอื่น เช่น พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวคงจะให้มีอาวุธปืน และเป็นปืนเถื่อนปืนร้ายแรงที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ คดียาเสพติด ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะทุกรายจะมีอาวุธปืนร่วมด้วย นับเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ก็ต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังต่อไป 


“ความผิดอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของภูเก็ต เช่น ความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค การละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น โดยภาพรวมผลการจับกุมคดีต่างๆ ตามแผนระดมกวาดล้างในระยะเร่งด่วนถือว่าเป้นที่น่าพอใจ และการกระทำความผิดที่มีการจับกุมได้นั้นจะดำเนินการทุกข้อหา แม้กระทั่งข้อหาเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งสามารถจับกุมไกด์ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งผู้ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย จึงถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของตำรวจและหน่วยที่เกี่ยวข้อง”


พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ติดตาม ตรวจสอบ เร่งรัดผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ตามแผนระดมกวาดล้างไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 เพื่อจะทำให้ภูเก็ตเป็นกลับมาเป็นเมืองสวรรค์เตรียมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอีก 1 ปีข้างหน้า ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นสมุย พัทยา หรือเชียงใหม่ 


ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะอย่างนี้ไปพร้อมกัน โดยจะมีการลงมาตรวจเยี่ยม กำชับ สั่งการในพื้นที่ และประชุมทางไกลผ่านจอภาพทุกสัปดาห์ เพื่อให้สามารถป้องกันแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลอย่างยั่งยืนต่อไป 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น