จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ระดมกำลังทุกหน่วยเสริมพลังแก้ปัญหาท่องเที่ยวภูเก็ต



เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมระดมกวาดล้างการจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เพื่อชี้แจงและมอบนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งคำสั่งปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต 


โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8, พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบช.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต อาทิ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต สำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น เข้าร่วม 


ทั้งนี้ พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งปฏิบัติการ เรื่อง จัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ลงวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามจังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายใต้การบังคับบัญชาแบบบูรณาการของศูนย์เฉพาะกิจจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ


ซึ่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีอำนาจในการบูรณาการ บริหาร ปกครองบัญชาการ ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยดำเนินการใน 4 เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ประกอบด้วย พัทยา สมุย ภูเก็ต และ เชียงใหม่ โดยระดมกำลังตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจภูธร ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจปราบปรามอาชญากรทางเศรษฐกิจ กองบังคับการตำรวจปราบปราม ตำรวจกองกำกับการป้องกันและปราบปรามคุมครองผู้บริโภค และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว 


สำหรับการดำเนินการ แบ่งระยะเวลาออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนระหว่างวันที่ 16 -31 สิงหาคม 2556 และระหว่างวันที่ 1 -30 กันยายน 2556 โดยจะดำเนินการในทุกเรื่อง ทั้งการติดตามหมายจับค้างเก่า เรื่องของคดียาเสพติด และการกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งเรื่องของรถแท็กซี่ป้ายดำที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยว โดยจะร่วมมือกับดีเอสไอในการทำงาน และใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานมาดำเนินการ พล.ต.อ.วุฒิ กล่าว 


ขณะที่นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระท่องท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในที่ประชุม ว่า จะมีการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ดังกล่าว ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 27 สิงหาคมนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค การปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว การละเมิดลิขสิทธิ์ และอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ยังคงมีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น การหลอกลวงนักท่องเที่ยวด้วยการนำดอกไม้ไปเสียบกระเป๋าให้นักท่องเที่ยวแล้วขอเงินตอบแทน มีทั้งการกระทำของคนไทย และคนต่างด้าวที่แฝงตัวเข้ามาหากิน สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว 


หรือในส่วนของภูเก็ตที่มีการร้องเรียนปัญหาที่สนามบินซึ่งมีแหล่งแลกเงินเถื่อน ปัญหารถจักรยานยนต์ป้ายดำให้เช่า เป็นต้น กรณีรถแท็กซี่ป้ายดำแม้ว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเป็นเรื่องของการทำมาหากิน แต่เป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ขณะนี้มีผู้ที่มีรายชื่อที่อาจจะเข้าข่ายผู้มีอิทธิหลายคนได้ไปพบตน ซึ่งได้แนะนำให้ชี้แจงไปตามความเป็นจริงอีกประเด็นที่ต้องมีการหารือคือ เรื่องของการเปิดนัลวีซ่าว่าหากมีการเปิดกว้างแล้วจะก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้นหรือไม่อย่างไร เพราะจะเห็นได้ว่ามีชาวต่างชาติส่วนหนึ่งที่เข้ามาแล้วสร้างปัญหา และก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมลักษณ์ รวมถึงปัญหาชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยตามสถานีตำรวจต่างๆ โดยทางเจ้าหน้าที่จะต้องหางบประมาณมาดูแล รวมถึงเรื่องของสาธารณสุข ก็จะได้หารือแนวทางการแก้ไขต่อไปนายสมศักย์กล่าว 


อย่างไรก็ตามหลังจากการประชุม นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระท่องท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (มค.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พิษณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเมืองท่องเที่ยวนั้น จะไม่ทำแบบไฟไหม้ฟางอย่างแน่นอน 


เพราะเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้ว และทุกหน่วยต้องดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยขณะนี้เป็นได้มีการกำหนดแนวทางในการทำงาน เพื่อสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งจะต้องเดินหน้าการทำงานต่อไป รวมทั้งจะต้องมีการยกระดับหน่วยงานต่าง เช่น ยกระดับตำรวจท่องเที่ยวเป็นกองบัญชาการ การจัดตั้งสาขาดีเอสไอที่ภูเก็ต และการตั้งแผนกคดีท่องเที่ยวที่ภูเก็ต รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในการเข้ามาช่วยเสริมด้วย ทั้งนี้ในการทำงานจะต้องบูรณาการกันทุกหน่วยงานโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ขับเคลื่อน 


ทางด้าน พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวเสริมว่า การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปรียบเหมือนหมอที่จะต้องจ่ายยาแรง เพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้กับจังหวัดภูเก็ต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเข้ามาดำเนินการ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ มั่นใจว่าหลังจากลงทำงานอย่างเต็มที่จะทำให้คดีต่างๆในภูเก็ตลดน้อยลงอย่างแน่นอนภายใน 45 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการระดมกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เมืองพัทยามาแล้วพบว่าสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดคดีต่างๆที่เกิดขึ้นไปได้จำนวนมาก จึงมั่นใจว่าจะทำได้อย่างแน่นอนในการลงพื้นที่ทำงานที่จังหวัดภูเก็ต และจากตัวเลขคดีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ต่อ 100,000 คน จะต้องเกดไม่เกิน 20 คดี ซึ่งของภูเก็ตมีเพียง 5 % เท่านั้น แต่เราต้องการให้ลดต่ำกว่านั้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น