เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2554 ที่บ้านเลขที่ 999 ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายประสงค์ ไตรรัตน์ อายุ 40 ปี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี แถลงข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจนำโดย พ.ต.ท.สานิช หนูคง สารวัตป้องกันปราบปราม สภ.ถลาง พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธีรเดช จิรักษา สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.ทุ่งทอง และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20 นาย ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ตเลขที่ 161/2554 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าวทุกซอกทุกมุมของบ้าน และทำให้บ้านบางส่วนได้รับความเสียหาย พร้อมยึดเอาเงินสดจำนวน 542,000 บาท เพื่อนำไปตรวจสอบ
นาย ประสงค์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวแต่อย่างใด โดยได้ยึดเอาเงินสดไปจำนวน 542,000 บาท ซึ่งตนก็ได้แจ้งแล้วว่าเป็นเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจของภรรยาซึ่งมีบ้านเช่า และร้านจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสวย
“การจะเข้าตรวจค้นนั้นตนก็บริสุทธิ์ใจให้ตรวจค้นตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการแต่การกระทำของเจ้าหน้าที่ดูเหมือนว่าจะเกินกว่าเหตุ เพราะช่วงดังกล่าวตนและครอบครัวกำลังจะเข้านอน ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด แต่ที่อยากตั้งคำถามคือ ยึดเงินสดไปด้วยทำไม เพราะเป็นเงินของครอบครัวที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนในการทำธุรกิจที่จะต้องใช้เงินหมุนเวียน โดยชุดที่เข้าตรวจค้นได้อ้างว่า เป็นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ส่วนสิ่งของอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่พบก็มีโฉนดที่ดิน เครื่องเพชร เครื่องทอง และป้ายแนะนำตัวของผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 10 กับ เบอร์ 16”
นายประสงค์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการเก็บเงินไว้ที่บ้านจะผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำของทางเจ้าหน้าที่นั้นอย่างให้ตั้งอยู่ในความเป็นธรรม และขอให้ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบด้วยว่าถูกต้องหรือไม่ และไม่ควรที่จะไปรับใช้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ทราบว่าที่ผ่านมาก็มีการตรวจค้นชาวบ้านอื่นๆ ด้วย หรือบางครั้งก็มีการเรียกไปสอบปากคำ ตนอยู่ในพื้นที่มากว่า 40 ปีและเคยเล่นการเมืองท้องถิ่นมาก่อนก็ไม่เคยเจอพฤติกรรมและการกระทำของเจ้าหน้าที่เช่นนี้ เพราะเรื่องของการสนับสนุนพรรคการเมืองใดหรือไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลจะมาบังคับกันไม่ได้ และการเก็บเงินไว้ที่บ้านก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้เพื่อการซื้อเสียง จึงไม่อยากเห็นชาวบ้านรายอื่นๆ ตกเป็นเหยื่ออีก และหลังจากนี้หากยังไม่ได้รับคำตอบว่าเงินที่ตรวจยึดไปนั้นจะคืนให้หรือไม่อย่างไรตนก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น