เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ที่บริเวณ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ร.ต.ท.ปรีชา รักษ์จันทร์ รองสวป.สภ.ถลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งด่านสกัดรถบรรทุกลักลอบนำช้างเข้ามาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต หลังได้รับการประสานจากนายวีรสิฎฐ์ พุฒิไพโรจน์ ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ในฐานะสารวัตรกรมปศุสัตว์ ว่า จะมีการลักลอบบรรทุกช้างเพื่อนำไปยังปางแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต
และในระหว่างนั้นก็มีรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยแล่นมาถึงจุดสกัด จึงขอตรวจค้นพบมีช้างอยู่ในรถทั้งสองคันดังกล่าว รวม 3 เชือก จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 9 คน ประกอบด้วย นายสงัด ขัดภัย, นายมงคล วันปู, นายบุญมา ระยับศรี, นายสายฝน ศาลางาม, นายกันตินนท์ ศาลางาม, นายสมภพ แซ่อั่ง, นายธนารักษ์ วันปู, นายมงคล เพื่อนรักษ์ และนายราเชนทร์ พูลจันทร์ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาเคลื่อนย้ายสัตว์เข้ามาในเขตจังหวัดภูเก็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้เอกสารทางราชการปลอม พร้อมอายัดรถที่บรรทุกช้างและช้างทั้งหมดไว้ นำส่งร้อยเวร สภ.ถลาง
นายวีรสิฎฐ์ พุฒิไพโรจน์ ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ในฐานะสารวัตรกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงการจับกุมดังกล่าวว่า เนื่องจากได้รับแจ้งจากสาย ว่า จะมีการลักลอบนำช้างเข้ามาใน จ.ภูเก็ต จึงได้ประสานกับทาง ร.ต.ท.ปรีชา รักษ์จันทร์ รองสวป.สภ.ถลาง เพื่อทำการตรวจสกัดและตรวจอบพบตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา
ซึ่งมีทั้งคนขับรถ เจ้าของและควาญช้าง พร้อมอายัดของกลางเป็นช้างจำนวน 3 เชือก เป็นช้างพัง 2 เชือก คือ พังขนุน อายุ 13 ปี กับพังคำแสนอุไรวรรณ อายุ 26 ปี และลูกช้างพลาย ชื่อ นพเกล้า อายุ 2 ปี โดยนำไปกักไว้ที่ปางช้างแห่งหนึ่งบริเวณทางขึ้นเขานาคเกิด อ.เมืองภูเก็ต นอกจากนี้ยังได้มีการอายัดรถบรรทุกช้างทั้งสองคันไว้ด้วย
“เหตุที่ต้องมีการจับกุมดังกล่าว เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตได้มีการออกประกาศจังหวัดภูเก็ตควบคุมจำนวนช้างให้มีได้ 224 เชือก เมื่อปี 2542 และปัจจุบันก็มีจำนวนเต็มตามโควตาดังกล่าว ซึ่งเหตุที่ต้องมีการควบคุมเนื่องจากภูเก็ตเป็นเกาะและมีพื้นที่จำกัด หากปล่อยให้มีจำนวนช้างมากเกินไปก็อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ได้ โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งปัญหาการลักลอบนำช้างเข้ามานั้นก็มีอย่างต่อเนื่อง และได้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถจับกุมได้ดังกล่าว” นายวีรสิฎฐ์กล่าว
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามนายสงัด ขัดภัย อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา จ.สุรินทร์หนึ่งในเจ้าของและควาญช้าง เล่าว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าของปางช้างแห่งหนึ่งจาก จ.ภูเก็ต ให้นำช้างมาให้บริการในปางช้าง โดยให้เงินเดือน 15,000 บาท จึงได้ตัดสินใจเดินทางมา โดยไม่รู้ว่าจะต้องมีการขออนุญาต ประกอบกับก่อนหน้านี้มีคนในหมู่บ้านเคยเดินทางมาแล้ว
ซึ่งทางเจ้าของปางเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เมื่อมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกหนักใจ และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือในการประกันตัวก็ต้องยอมติดคุก เพราะไม่มีเงินประกัน เหตุที่ตัดสินใจมา เนื่องจากอยู่ที่สุรินทร์ค่อนข้างลำบากและรายได้มีไม่พอกับรายจ่าย โดยเฉพาะปัญหาของอาหารที่จะนำมาให้ช้างกิน เพราะต้องใช้วันละ 200-250 กิโลกรัม เมื่อได้รับคำยืนยันจากเพื่อนบ้านที่มาอยู่ก่อนแล้วจึงตัดสินใจมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น