เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 ที่โรงแรมเอส.บี. ลิฟวิ่งเพลส ถ.พัฒนา ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายพิศิษฐ์ วิบูลย์ศิลป์ ผู้จัดการภาคใต้ตอนบน บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พร้อมด้วย นายไพฑูลย์ ศิลปวิสุทธิ์ ผู้จัดการสาขาอาวุโส จังหวัดภูเก็ต บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ร่วมแถลงข่าวแนะนำภารกิจของทางบริษัทฯ พร้อมทั้งมอบหมวกกันน๊อคให้กับผู้สื่อข่าว และมอบกระบองไฟให้กันมูลนิธิกุศลธรรมและศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.ภูเก็ต
ทั้งนี้นายพิศิษฐ์ วิบูลย์ศิลป์ ผู้จัดการภาคใต้ตอนบน บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวว่า จากปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยที่มากถึง 26,000 คนต่อปี ติดอันดับ 6 ของโลก สร้างความสูญเสียและความเสียหายแก่ทรัพย์สินและทรัพยากรมนุษย์จำนวนมาก บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
จึงได้จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยบัญญัติไว้ในมาตรา 10 ทวิ ของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2540 โดยได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ให้บริการเกี่ยวกับการรับคำร้องและจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นหรือค่าสินไหมทดแทนหรือเงินต่างๆ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ รวมถึงดำเนินการตามที่บริษัทหรือสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเป็นผู้มอบหมาย
ซึ่งบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้มีการจัดตั้งสาขาในทุกจังหวัด เพื่อให้บริการแก่ประชาชนครอบคลุมทั้งประเทศ รวมทั้งได้มีการจ่ายสินไหมทดแทน ตาม พ.ร.บ. แทนทุกบริษัทประกันภัย ซึ่งผู้เสียหาย ทายาท ผู้รับมอบอำนาจ หรือโรงพยาบาล ผู้รักษาพยาบาลสามารถเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้นหรือค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
ขณะที่นายไพฑูลย์ ศิลปวิสุทธิ์ ผู้จัดการสาขาอาวุโส จังหวัดภูเก็ต บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้กล่าวว่า บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ยังเป็นคณะกรรมการระดับประเทศในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากรถทางถนน ซึ่งการรณรงค์เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรสหประชาชาติที่กำหนดให้ ปี ค.ศ. 2011-2020 (พ.ศ 2554-2563) เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน
บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จึงได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 จัดตั้งโครงการ หน่วยงานต้นแบบด้านการสวมหมวกนิรภัย 100% โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนใน 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี อยุธยา สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ มีหน่วยงานเอกชน 209 แห่ง เข้าร่วมลงนาม
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะเสริมสร้างให้เป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดกับประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งมีพนักงานของหน่วยงานที่ใช้รถจักรยานยนต์ทุกคนเป็นต้นแบบ ซึ่งหากแต่ละหน่วยงานสามารถเสริมสร้างให้พนักงานทุกคนปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ก็จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยบรรลุตามเป้าหมายของทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนได้อย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น