จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ส.ส.ภูเก็ต ร่วมกับชาวบ้านหนุนสร้างศูนย์ประชุมฯ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ที่บริเวณชายหาดไม้ขาว สถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร พร้อมด้วยนายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับนายวิโรจน์ มานะจิตต์ กำนันตำบลไม้ขาว นายสมพร แทนสกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านท่าฉัตรไชย ประชาชนและผู้สนับสนุน จำนวนประมาณ 50 คน เกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อมหรือ คชก.สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ สผ.พิจารณาไม่ผ่านผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังมีการเขียนป้ายข้อต่างๆ อาทิ รัฐบาลปูนิ่มห้ามโยกงบศูนย์ประชุมฯ ภูเก็ต, ประชาชนภูเก็ตอยากได้ศูนย์ประชุม เป็นต้น
โดยนางอัญชลี กล่าวว่า ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลได้มีการอนุมัติงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการใต้เข้มแข็ง จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อทำการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต บริเวณที่ราชพัสดุ ภก.153 บ้านท่าฉัตรไชย จำนวนประมาณ 141 ไร่ โดยมอบหมายให้กรมธนารักษ์เป็นเจ้าภาพหลัก และได้มีการออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเสนอการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สผ.พิจารณา ปรากฏว่ามีมติไม่เห็นชอบให้ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯบริเวณดังกล่าว โดยให้เหตุผลหลักๆ 3-4 ประการ อาทิ ไม่คุ้มค่าการลงทุน
บริเวณดังกล่าวยังเป็นป่าที่สมบูรณ์ควรเก็บรักษาไว้ โครงการอาจจะกระทบต่อการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล เป็นต้น ซึ่งคิดว่าเป็นเหตุผลเดิมๆ ที่สผ.จะใช้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งในความเป็นจริงพื้นที่หาดไม้ขาวพื้นที่ติดกันปัจจุบันมีโรงแรมรีสอร์ทขนาดใหญ่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหาก โครงการศูนย์ประชุมฯ กระทบกับการวางไข่ของเต่าทะเล โครงการก่อสร้างอื่นๆ ที่มีอยู่ก็ย่อมมีผลกระทบด้วยเช่นกัน แต่ทำไมสามารถก่อสร้างได้
ส่วนกรณีที่บอกกว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุนนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะมีผลการศึกษาวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ฯ กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตมีความคุ้มค่าสูงสุด ประกอบกับในอีก 4 ปีข้างหน้าอาเซียนจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งประเทศไทยก็จะได้อานิสงค์สูงสุดด้านการท่องเที่ยวด้วย เพราะมีการสำรวจพบว่าประชากรในอาเซียน 15% หรือประมาณ 30 ล้านคนจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ฉะนั้นการมีศูนย์ประชุมฯเกิดขึ้นที่ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ จะทำประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการท่องเที่ยวและการจัดประชุมสัมมนา ที่จะสามารถดึงตลาดกลุ่มกลุ่มประชุมสัมมนาเข้ามาภูเก็ตและประเทศไทยได้อีกมาก นางอัญชลีกล่าว
“ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่มีการโยกงบศูนย์ประชุมเชียงใหม่ฯ มาให้ภูเก็ต แต่หันไปใช้งบไทยเข้มแข็งแทน เพราะมองว่าหากมีศูนย์ประชุมฯ เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ภูเก็ตและกรุงเทพมหานครก็จะเกิดประโยชน์ในภาพรวม และสามารถที่จะช่วยดึงดูดตลาดการประชุมสัมมนาได้เพิ่มขึ้น”
นางอัญชลี กล่าวด้วยว่า เนื่องจากกรมธนารักษ์เป็นเจ้าของเรื่องซึ่งก็คงจะต้องมีการหารือกับทางสผ.เพื่อแก้ไขประเด็นที่ยังเป็นกังวลอย่างไร รวมทั้ง สผ.ควรจะลงมาดูพื้นที่จริง เชื่อว่าหากไม่มีอคติก็น่าจะมีการทบทวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เพื่อที่จะได้จัดทำรายงานผลระทบสิ่งแวดล้อม( EIA) ต่อไป ทั้งนี้ตนและนายเรวัติ จะผลักดันศูนย์ประชุมฯ ต่อไป ซึ่งขณะนี้เองทางผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั้งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้มีแนวคิดที่จะไปหารือกับ สผ. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และหากสผ.ยังยืนยันไม่เห็นชอบ IEE ทางภาคเอกชนก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพราะโครงการนี้คนภูเก็ตรอคอยมานานร่วม 20 ปีแล้ว และขณะนี้ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วทั้งแบบการกอ่สร้างและงบประมาณ ดังนั้นหากไม่ติดปัญหาสิ่งแวดล้อมก็จะสามารถทำการจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ย้ายสถานที่ก่อสร้างไปเป็นบริเวณอื่นนั้น นางอัญชลี กล่าวว่า น่าจะเป็นการยื้อเวลาออกไปมากกว่าอีก เพราะขณะนี้โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว น่าที่จะเลิกคิดเช่นนี้ได้แล้ว และหากต้องการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อสภาฯ ในการที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 2 ล้านล้านบาท ก็ไม่ควรที่จะโยกงบประมาณไปทำอย่างอื่น และตนก็พร้อมที่จะตั้งกะทู้ถามในสภาฯ หากมีการโยกงบดังกล่าวไปที่อื่น แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณสื่อออกมาว่าจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง และภาวนาว่าผู้บริหารประเทศในยุคนี้ที่ผ่านประสบการณ์การบริหารงานมามากน่าที่จะคิดได้ไกล ไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในวันพรุ่งนี้ (10ก.ย.54) นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง จะพร้อมด้วยนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จะเดินทางมาดูพื้นที่และรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่บ้านท่าฉัตรไชยด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น