จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป.เปิดเวทีใหญ่ครั้งแรกที่ภูเก็ต


“อภิสิทธิ์” นำทัพ ปชป.เปิดเวทีใหญ่ครั้งแรกที่ภูเก็ต

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ นำทีมโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ พร้อมแกนนำคนสำคัญจำนวนมาก เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์, นายชิณวรณ์ บุญเกียรติ, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นต้น โดยมีประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและพังงาร่วมรับฟังจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของชุดรักษาความปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งนอกจากการรักษาความปลอดภัยแล้วยังได้ดูแลเรื่องการจราจรด้วย

โดยการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในครั้งนี้ เริ่มด้วยนายชิณวรณ์ บุญเกียรติ กล่าวกับผู้มารับฟังการปราศรัย ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าเรื่องของการศึกษาทั้งเรื่องการเรียนฟรี และการส่งเสริมทางด้านการศึกษาด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายเดินเพื่อประชาชน

ตามด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งสำคัญเป็นการชี้เป็นชี้ตายว่าประเทศจะเดินทางไปได้หรือไม่ และก็ไม่ใช่เป็นการเลือก ส.ส.ธรรมดา แต่เป็นการเลือกรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งเป็นการเลือกว่าใครควรจะได้เป็นผู้นำประเทศระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย

“ยืนยันว่าสำหรับนายอภิสิทธิ์เป็นผู้ที่เรียนหนังสือเก่งจนได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยระดับโลก และมีความสนใจทางการเมืองมาตั้งแต่อายุยังน้อย ในช่วงที่เข้ามาทำหน้าที่ในการทำการเมืองนั้นก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แสดงความคิดเห็นที่เด็ดขาดชัดเจนและมีโดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นรัฐบาล 2 ปี ก็สามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรมีราคาเพิ่มสูง เป็นที่พอใจของเกษตรกรโดยเฉพาะการประกันรายได้เกษตรกร ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 7% มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่ดีแต่พูดเหมือนกับที่ถูกกล่าวหา”

นายสุเทพ ยังกล่าวด้วยว่า กรณีชื่อของผู้ก่อเหตุร้ายเผาบ้านเผาเมืองในช่วงที่ผ่านมายืนยันว่าจะยังคงพูดทุกเวที เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตนก็ไม่ได้ใส่ร้ายแต่อย่างใด และคนผิดก็ควรที่จะได้รับการลงโทษ กรณีของการนำเสนอผลโพลต่างๆ ก็เช่นกันซึ่งมีหลากหลายสำนักก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ที่มั่นใจคือ อภิสิทธิ์ชนะยิ่งลักษณ์แน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะพรรคเพื่อไทยแน่นอนเช่นกัน สำคัญคือ ทุกคนจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของประเทศด้วยการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

หลังจากที่นายสุเทพ ปราศรัยเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยการเดินทางในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์รับจ้าง มาที่เวทีปราศรัย ซึ่งในระหว่างเดินขึ้นเวทีปราศรัยมีผู้ให้การสนับสนุนมอบช่อดอกไม้ ในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีการแนะนำผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ยกเว้น จ.นราธิวาส ยะลาและปัตตานี จากนั้นก็ได้ปราศรัยแนะนำนโยบายของทางพรรค ภายใต้สโลแกนเดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายในช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรัฐบาล เช่น เบี้ยยังชีพ เรียนดีเรียนฟรี 15 ปี อสม. เป็นต้น นอกจากนี้ยังเรื่องของปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ การเพิ่มค่าแรง และยาเสพติด

อย่างไรก็ตามจากการทำงานที่ผ่านมาเป็นผลพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เพราะการแก้ปัญหาแต่ละเรื่องนั้นก็จะต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เช่น เรื่องของราคาน้ำมันดีเซลซึ่งคงไว้ที่ลิตรละ 30 บาท เนื่องจากได้มีข้อตกลงกับทางบริษัทขนส่งไม่ให้ปรับขึ้นราคาเพราะจะเป็นการทำให้ต้นทุนอื่นๆ สูงตามไปด้วย รวมไปถึงในส่วนของสินค้า แม้ว่าน้ำมันจะปรับลดราคาลงแต่ราคาสินค้าต่างๆ เมื่อปรับขึ้นแล้วก็ยากที่จะลดลง เป็นต้น ดังนั้นจากผลงานที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์กันได้ว่าไม่ได้ดีแต่พูด

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายที่คิดขึ้นมานั้นไม่ได้ทำเพื่อจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแต่เพื่อทุกจังหวัด เช่น การก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่ภูเก็ต ก็ยังคงให้การสนับสนุนศูนย์ประชุมฯ ที่เชียงใหม่ด้วย เป็นต้น ซึ่งหากได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งก็ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน ไม่โกง และไม่ขี้เกียจ ดังนั้นจึงขอให้ก้าวคูหาแล้วกาพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนของภูเก็ตนั้นก็ขอทั้งสองเขตเลือกตั้ง เพื่อให้ ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาไปมาเลือกตนเป็นนายกรัฐมนตรี และให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น