จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พลังงานและการปฎิรูประเทศไทย ฝ่าวิกฤตประเทศไทย



เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 ที่บริเวณข้างสระว่ายน้ำเทศบาลนครภูเก็ต สวนสาธารณะสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มเครือข่ายรณรงค์ปฎิรูประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต จัดเวที “พลังงานและการปฎิรูประเทศไทย ฝ่าวิกฤตประเทศไทย ร่วมใจปฎิรูปพลังงาน” เพื่อให้เป็นตามเจตนารมณ์ของแกนนำพันธมิตรฯ ในการเดินสายให้ความรู้ให้เกิดปัญญาแก่ประชาชนทั่วไป โดยมีชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก 



ทั้งนี้ได้มีการเปิดเวทีตั้งแต่เวลา 12.00 น. เริ่มด้วยการแสดงดนตรีจากสมาชิกเครือข่ายรณรงค์ปฎิรูปประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต การพูดคุย เรื่อง ภูเก็ตปกครองรูปแบบพิเศษ ด้วยมองว่าการปกครองรูปแบบปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ มีการกระจุกตัวของทรัพยากร แม้จะมี พ.ร.บ.กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น 35% ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ในพื้นที่ได้จริง ทั้งๆ ที่จังหวัดภูเก็ตทำรายได้เข้าประเทศปีละกว่าแสนล้านบาท 


แต่ได้รับการจัดงบประมาณในการพัฒนากลับมาไม่มากนัก ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ขยะ น้ำเสีย สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย เป็นต้น พร้อมทั้งได้เสนอให้ภูเก็ตมีการจัดการตัวเอง โดยได้มีการศึกษาการปกครองรูปแบบพิเศษ เพื่อตอบสนองความอยู่ดีมีสุข การท่องเที่ยวยั่งยืน และรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการต่อต้านการเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัสในเขตเทศบาลนครภูเก็ต เพราะจะทำให้ร้านค้าเล็กๆ ในตัวเมืองได้รับผลกระทบและอาจจะต้องปิดตัวลง รวมถึงการให้มีการปฎิรูปการศึกษาของจังหวัดภูเก็ตด้วย


หลังจากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวที โดยกล่าวว่า การเปิดเวทีที่ภูเก็ตถือเป็น เวทีที่ 19 ซึงมีการสัญจรให้ความรู้แก่ประชาชน และเรียกร้องให้มีการปฎิรูป ปตท.เพราะหากไม่มีการโกงกินก็จะทำให้น้ำมัน และแก๊สราคาถูกลงมาก ส่วนกรณีที่ เสธ.อ้าย หรือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะมีการชุมชน ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ในส่วนของแกนนำพันธมิตรฯ ไม่พร้อมที่จะขึ้นร่วมเวทีดังกล่าว เพราะมีกำหนดเดินสายบรรยายให้ความรู้เรื่องการปฏิรูปแก่พี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเวทีที่ภูเก็ตแล้ว ก็จะไปต่อที่จังหวัดกาญจนบุรี และเพชรบุรี โดยกำหนดการในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ จะมีการเลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้พันธมิตรฯ ที่ต้องการเดินทางไปร่วมชุมนุมเพื่อบ้านเมืองได้เดินทางไปร่วมตามความสมัครใจ 


ต่อจากนั้นได้มีการเสวนา “วิเคราะห์ วิกฤตประเทศไทย” โดยมีผู้ร่วมเวที ประกอบด้วย นายภิภพ ธงชัย แกนนำพันธมิตรฯ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง และรศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ดำเนินรายการโดย นายเติมศักดิ์ จารุปราณ นักวิชาการประจำเวทีพันธมิตรฯ 


นายพิภพ ธงชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ มีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพบว่า นักการเมืองมีพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องของการคอร์รัปชั่นเพิ่มมากขึ้น และคอร์รัปชั่นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ ทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ คือ พลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 ของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่พันธมิตรฯ เคยมีมติกันมาแล้ว คือ การโหวตโน ซึ่งมีบางคนที่บอกว่าการโหวตโนเป็นการเสียเปล่า ทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้คะแนนเสียงไม่เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริง เพราะเมื่อรวมคะแนนโหวตโนกับคะแนนที่พรรคบางพรรคได้แล้วยังมีคะแนนเสียที่น้อยอยู่ดี เหตุที่มีการโหวตโนเนื่องจากพรรคการเมืองบางพรรคไม่ยอมปฏิรูปตัวเองจึงต้องมีการแสดงความรู้สึกด้วยการโหวตโน และขณะนี้การโหวตโนกำลังกลายเป็นกระแสที่ลงไปถึงการเลือกตั้งในระบบท้องถิ่นแล้ว ซึ่งประชาชนบางพื้นที่ออกมาแสดงความไม่พอใจในตัวบุคคลที่ลงสมัครโดยรณรงค์ให้มีการโหวตโน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจการบริหารของคุณ และที่มาของนักการเมือง ส่วนในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เป็นเป็นโจทย์การเมืองที่สำคัญ ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวไม่ใช่การปิดประเทศ ไม่ใช่การแช่แข็งนักการเมือง แต่เป็นการเปิดประเทศให้เห็นแสงสว่างมากกว่าที่จะเป็นการปิดประเทศ


“การปฏิรูปประเทศไทยจะต้องแก้ในหลายเรื่อง เช่น กฎหมายเลือกตั้งที่จะต้องให้กระจายทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มสกุลคนดัง หากจำกัดอยู่เช่นนี้เรียกว่า เป็นการปิดประเทศหรือไม่ เป็นการปิดประตูตีแมวหรือเปล่า ฉะนั้นหากกล่าวหาว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นการปิดประเทศเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่การกระทำของนักการเมืองปัจจุบันเป็นการปิดประเทศโดยนักการเมืองเลว แต่เราจะทำการเปิดประเทศ รวมทั้งจะต้องปกป้องไม่ให้ต่างชาติมากอบโกยประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าวขึ้นมา ชี้หน้าได้เลยว่า นักการเมืองยุคนี้ขายชาติขายแผ่นดินหมดแน่ นอกจากนั้นจะต้องแก้ร่างกฎหมายทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ให้มีอายุความ ผู้กระทำความผิดต้องคุกตลอดชีวิต เรื่องต่างๆ ประชาชนสามารถนำเรื่องขึ้นสู่ศาลได้ หากเห็นว่านักการเมืองทำเรื่องไม่ถูกต้อง เช่น การตรวจสอบที่มาของเงิน ทรัพย์สินนักการเมือง หากมีการตรวจสอบอย่างจริงจังนักการเมืองก็ตอบไม่ได้แล้ว เป็นต้น การแก้กฎหมายซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งจะต้องไม่จำกัดอายุความเช่นเดียวกัน การแก้เรื่องโหวตโน โดย ส.ส.ที่แพ้โหวตโน ไม่สามารถที่จะกลับมาลงเลือกตั้งใหม่ได้ รวมทั้งห้ามลงสมัครอีก”


ขณะที่ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง กล่าวพอสรุปว่า ประเทศไทยเสียหายเพราะนักการเมืองชั่ว ที่มีการมาบอกว่าพื้นที่ไหนไม่เลือกเอาไว้ทีหลัง จังหวัดไหนเลือกเอาไปก่อน ซึ่งเป็นการทำให้เกิดความแตกแยก และแตกความสามัคคีให้เกิดขึ้น รวมทั้งการจะเขมือบผลประโยชน์และแผ่นดินไทย รวมทั้งมีการพยายามสร้างภาพว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งมีการทุจริต มีการซื้อสิทธิขายเสีย เมื่อนักการเมืองได้มาโดยไม่ชอบ เขาก็เข้ามากอบโกย ผู้นำประเทศที่เดินทางมาบ้านเราจะมองว่ามาแล้วจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์แก่คนของเขา ต่างจากผู้นำประเทศไทยที่ไปไหนก็มีแต่เร่ขาย โดยที่ผลประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่ตกอยู่กับคนเพียงคนเดียว


ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวถึงทางออกของวิกฤตประเทศไทยจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหยิบยกประเด็นการปฏิรูปการเมือง ซึ่งมองว่าปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยปัจจุบัน คือ ขาดความสมดุลเชิงอำนาจ ขาดความสมดุลเชิงอำนาจ หมายความว่า ในสังคมไทยมีกลุ่มทุนบางกลุ่มมีอำนาจมากเกินไป และบางกลุ่มมีอำนาจน้อยเกินไป กลุ่มที่มีอำนาจมากในสังคมไทยก็จะครอบคลุมทั้งหมด คือ กลุ่มทุนสามานย์ ด้วยระบบของการเมืองไทยเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนสามานย์เข้ามามีอำนาจสูงสุดเหนือกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเข้าถึงอำนาจมีน้อย เพราะระบบการเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้มีเงินมีทุนเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง ส่วนผู้ที่ไร้ทุนก็มีโอกาสน้อย หรือแทบจะไม่มีโอกาสเลย จึงเป็นเหตุให้การเมืองของไทยประสบกับปัญหาการขาดสมดุลทางอำนาจ


นอกจากนี้ยังมีการเสวนา เรื่อง “การปฏิรูประบบพลังงาน คนไทยได้อะไร” โดย พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทั้งนี้มีนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น