จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ศาลภูเก็ตจัด “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์”



เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 เป็นประธานเปิดโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” ซึ่งทางศาลจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีนายปริญญา วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต นายณัฐพงศ์ จริตงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดภูเก็ต คณะผู้ประนีประนอมประจำศาลจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการแขกผู้มีเกียรติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 


นายปริญญา วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เพื่อเป็นการสอดรับนโยบายสำนักงานศาลยุติธรรม ในการส่งเสริมสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยเฉพาะด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการสมานฉันท์และสันติวิธี เพื่อให้คู่ความได้มีโอกาสเลือกใช้ควบคู่กับการพิจารณาคดีของศาลในการยุติคดีหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้น จึงได้จัดโครงการ “ร่วมใจไกล่เกลี่ยและสมานฉันท์” ขึ้นในเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม 2556 


เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความในการยุติข้อพิพาท โดยการระงับข้อพิพาททางเลือก เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในสังคม ก่อให้เกิดความปรองดองและสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี และมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม ให้ประชาชนผู้มีอรรถคดีในศาลได้มีทางเลือกในการยุติข้อพิพาทด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลหรือเข้าสู่การพิจารณาสืบพยานและตัดสินคดี 


ขณะที่นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยศาลมีบุคลากรไม่เพียงพอรองรับคดีที่เข้าสู่ศาล และปัจจุบันปัญหาความขัดแย้งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้มีคดีเข้าสู่ศาลเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย 


ดังนั้นการจัดไกล่เกลี่ยให้กับคู่กรณีที่พิพาทกันนั้น นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถทำได้รวดเร็ว ช่วยลดหรือยุติความขัดแย้ง ทำให้คู่กรณีเจรจายุติความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ ลดคำว่าศักดิ์ศรีลงไปได้มาก หากทำให้คู่พิพาทเข้าสู่การไกล่เกลี่ยได้มากเท่าไหร่ประโยชน์ต่อประชาชนก็จะมีมากตามไปด้วย 


ในปี 2556 ระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน มีคดีเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย จำนวน 1,349 คดี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 418 คดี ซึ่งคิดเป็น 81.8% มูลค่าทุนทรัพย์กว่า 920 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนคดีดังกล่าว มีการจำหน่ายคดีก่อนที่จะเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย จำนวน 778 คดี สำหรับคดีที่เข้าสู่ศาลจังหวัดภูเก็ตขณะนี้มีมากกว่า 10,000 คดี 


เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว และเมืองเศรษฐกิจ ทำให้มีความขัดแย้งทางธุรกิจสูง โดยคดีที่เข้าสู่ศาลมากที่สุดจะเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน โดยเฉพาะคดีบุกรุกที่สาธารณะ ประมาณ 50% และเป็นคดีอาญา เกี่ยวกับยาเสพติดอีกประมาณ 50% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการไกล่เกลี่ยเป็นแนวทางหนึ่งที่จะลดคดีขึ้นสู่ศาลและลดความขัดแย้งได้ นายไสลเกษกล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น