นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้กล่าวถึง การจัดทำโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา โครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของแหล่งท่องเที่ยว (ถนนสิริราชย์เชื่อมถนนหมื่นเงิน ) จังหวัดภูเก็ต ว่า ด้วย “ถนนราษฎร์ประชานุเคราะห์” เป็นเส้นทางเดิมที่ในอดีตใช้เป็นเส้นทางเพื่อลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรของราษฎร
ต่อมาเมื่อมีการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำให้มีนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณหาดไตรตรัง และหาดฟรีดอมเพิ่มมากขึ้น แต่สภาพเส้นทางปัจจุบันยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย เนื่องจากภูมิประเทศที่มีความคดเคี้ยวและมีความลาดชันสูง
เทศบาลเมืองป่าตอง จึงมีโครงการที่จะปรับปรุงถนนดังกล่าวให้เป็นถนนที่มีมาตรฐาน โดยมุ่งหวังให้สามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัทพิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด บริษัท ฟลัดเวย์ จำกัด และบริษัท อีเนอร์จี อีโวลูชัน จำกัด
เป็นผู้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ เขียนแบบ และประมาณราคาโครงการข่ายเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของแหล่งท่องเที่ยวระหว่างถนนสิริราชย์เชื่อมกับถนนหมื่นเงิน (โครงการก่อสร้างถนนราษฎร์ประชานุเคราะห์) ระยะทางประมาณ 2.378 กิโลเมตร
ตลอดจนศึกษารายละเอียดและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและยื่นเอกสารต่างๆ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความเห็นชอบ พร้อมชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษารายละเอียดของเส้นทางจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมายของโครงการ และได้รับความเห็นชอบรายงานจากสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่นายทรงกริช สรรพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริมว่า ผลจากการศึกษาจะทำให้ได้แบบรายละเอียด เอกสารประมาณราคาและการประกวดราคา รวมถึงการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับ จะเป็นเส้นทางในการกระจายปริมาณการจราจร เป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของเมืองป่าตอง
ซึ่งขอบเขตของงานประกอบด้วย งานสำรวจแนวทางและระดับ งานเจาะสำรวจทดสอบสภาพชั้นดินและแหล่งวัสดุ และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การสำรวจออกแบบรายละเอียด การประมาณราคาก่อสร้างและจัดทำเอกสารประกวดราคา งานศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนงานประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเหตุที่ต้องมีการศึกษาเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจะต้องพัฒนาผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ 2 เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือป่าโซนซี ในป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยใช้ระยะเวลารวม 360 วัน
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า มีเส้นทางเดิมอยู่แล้ว โดยมีสภาพเป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อและคับแคบ จำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงผิวจราจรเพื่อให้มีการความสะดวกในการใช้งาน และได้กำหนดรูปแบบของการปรับปรุงไว้ 3 ทางเลือก ซึ่งแนวทางที่กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเห็นว่าน่าจะมีความเหมาะสมมากที่สุด คือ แนวทางเลือกที่ 3 ซึ่งจะมีผิวจราจรกว้าง 12-14 เมตร แบ่งเป็น 2 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าและทางจักรยานทาง
และจะมีการปรับภูมิทัศน์ตลอด 2 ข้างทางให้มีความสวยงาม มีการกำหนดจุดชมวิว เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้าง 190-200 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย นายทรงกริชกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น