จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันประมงแห่งชาติ



เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2556 ที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมทราย หมู่ที่ 6 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2556 ซึ่งทางสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต หน่วยงานกรมประมง และองค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี จัดขึ้น 


โดยมีว่าที่ร้อยตรีสมภพ ก้อนแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว นายกวิ สารณาคมณ์กุล ประมงจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ครู นักเรียนและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม โดยจัดให้มีการปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำ จำนวน 500,000 ต้น และพันธุ์ปลากะพงขาวจำนวน 10,000 ตัว 


นายกวิ สารณาคมณ์กุล ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องในอดีตตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา กรมประมงได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันประมงแห่งชาติ แต่เนื่องจากวันดังกล่าวตรงกับเทศกาลสงกรานต์ และวันครอบครัว ซึ่งมีวันหยุดหลายวัน ประชาชนส่วนใหญ่จะพาครอบครัวเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมเยียน รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ตามประเพณีดั้งเดิมของชนชาวไทย ประกอบกับในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงฤดูแล้ง พื้นที่บางจังหวัดแหล่งน้ำในธรรมชาติแห้งขอดไม่มีน้ำ จึงไม่เหมาะในการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 


“กรมประมงได้ตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงได้เสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปลี่ยนแปลงวันประมงแห่งชาติใหม่ โดยกำหนดให้วันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นวันสถาปนากรมประมง เป็นวันประมงแห่งชาติ ปีนี้กรมประมงครบรอบ 87 ปี ทั้งนี้เพื่อ ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่ทรงมีพระบรมราชโองการให้ตั้งกรมรักษาสัตว์น้ำขึ้นมาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2469 ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกรมการประมง และเป็นกรมประมงในปัจจุบัน” 


นายกวิ กล่าวด้วยว่า สำหรับการจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และรณรงค์ให้ชุมชนมีส่วนร่วม และตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ 


ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟู และร่วมกันบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนตลอดไป รวมทั้งยังเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนชาวประมง และประชาชนทุกหมู่เหล่าด้วย 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น