จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

คนร้ายใช้แก๊สตัดประตูตู้เซฟ แต่ไม่สำเร็จ



เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 พ.ต.ท.ประเทือง มานะผล พนักงานสอบสวนสภ.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านทองคำเยาวราช 9 เลขที่ 88 ถนนไสน้ำเย็น ตำบลป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวน งัดหลังคา ตัดตาข่าย และงัดกรงเหล็ก เข้าเจาะตู้เซฟเก็บทองคำรูปพรรณ ซึ่งอยู่ภายในร้าน ขอให้มาตรวจสอบด้วย 


หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สภ.กะทู้ พ.ต.ท.อกนิกษ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง ผกก.ป.สภ.กะทู้ พ.ต.ท.นิกร ชูทอง สวป. เจ้าหน้าที่ชุดสายสืบและสายตรวจ สภ.กะทู้ 


ที่เกิดเหตุเป็นอาคาพาณิชย์ขนาด 1 คูหา 3 ชั้นครึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนไสน้ำเย็น ห่างจาก สภ.กะทู้ประมาณ 500 เมตร ภายในห้องครัวของร้าน พบตู้เซฟซึ่งมีขนาดความสูงประมาณ 180 ซม. จำนวน 2 ตู้ และขนาดกลาง 1 ตู้ กุญแจล็อคกรงเหล็กดังกล่าวถูกตัดขาดห้อยอยู่กับสายยูกรงเหล็ก บริเวณพื้นห้องพบเศษเหล็ก ถังเชื่อมและคีมตัดเหล็กด้ามสีฟ้า ถังแก๊สพร้อมสายและหัวตัดวางอยู่ด้านในกรงเหล็ก นอกจากนี้ยังพบว่า หนึ่งในตู้เซฟขนาดใหญ่ มีร่องรอยการใช้เครื่องตัดแก๊สตัดประตูตู้เซฟเป็นรูปตัวแอลแต่ตัดไม่ขาด 


จากการสำรวจโดยรอบยังพบชะแลงวางอยู่ด้วย 1 อัน ค้อนและคีมตัดเหล็ก ตรวจสอบภายในห้องครัวพบ ประตูเหล็กถูกตัดลูกกุญแจจนขาดและหลังคากระเบื้องห้องครัวถูกเปิดออกจำนวน 3 แผ่น โดยทรัพย์สินภายในตู้เซฟอีก 2 ตู้ ยังอยู่ครบ ส่วนตู้ที่ถูกงัดก็จะต้องดำเนินการติดต่อบริษัทมาดำเนินการเปิดและตรวจสอบ ทรัพย์สินด้านในอีกครั้ง 


เบื้องต้นคนร้ายไม่สามารถนำทองรูปพรรณที่ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟ จึงได้ทิ้งอุปกรณ์ต่างๆ และหลบหนีไปทางหลังคาห้องครัวแล้ว มุดตัวปีนลงไปด้านหลังร้านออกไปยังซอยด้านข้างร้าน ตรวจสอบภายในร้านพบว่า มีการตัดกระแสไฟฟ้า และกล้องวงจรปิดจากตู้จ่ายไฟที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าร้านก่อนปฏิบัติการ จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วแฝงที่หม้อแปลง-บริเวณตู้ เซฟ-ถังเชื่อม-อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำมาหาตัวคนร้ายต่อไป 


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเปิดร้านเพื่อให้บริการลูกค้าตามปกติเวลาประมาณ 09.00 น.ของทุกวัน น.ส.นุชภา (ไม่ทราบนามสกุล) พร้อมด้วยพนักงานประจำร้านซึ่งเป็นหญิงสาวอีก 3 คน จะมาเปิดร้านพร้อมกัน ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาภายในร้าน ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงเปิดประตูเข้าไปในห้องครัว ซึ่งเป็นห้องเก็บตู้เซฟทองรูปพรรณ พบประตูเหล็กห้องเซฟถูกตัดขาด มองเข้าไปข้างในพบตู้เซฟ 1 ใน 3 ตู้ถูกตัดจนเป็นรอยขาด จึงโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 


เบื้องต้นพบว่า คนร้ายเริ่มปฏิบัติการในช่วงเวลา 02.00 – 04.00 น.โดยเริ่มตัดกระแสไฟฟ้าภายในร้านที่ตู้ควบคุมไฟที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้า ร้าน เพื่อตัดระบบของกล้องวงจรปิดทั้งหมด จากนั้นคนร้ายได้เข้าทางบริเวณหลังร้าน ซึ่งเป็นช่องระหว่างท้ายร้านทองกับอาคารพาณิชย์ภายในซอย พร้อมกับเปิดหลังคากระเบื้องแล้วตัดโครงเหล็กหลังคาลอดตัวลงมาภายในห้องครัว คาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน 


เมื่อเข้ามาได้ก็ทำการตัดกุญแจประตูเหล็กห้องครัว และมุ่งหน้าไปยังประตูเหล็กที่ปิดล๊อคประตูลูกกรงเหล็กตู้เซฟ ซึ่งภายในมีตู้เซฟวางอยู่และเริ่มลงมือตัดประตูตู้เซฟอย่างใจเย็น แต่ขณะที่ตัดคาดว่าแก๊สที่ใช้ตัดเกิดหมดกะทันหัน ทำให้คนร้ายตัดประตูเหล็กไม่เสร็จ จึงตกใจพร้อมกับทิ้งอุปกรณ์ไว้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูต่างหน้าพร้อม ปีนออกบริเวณหลังคาห้องครัวแล้ววิ่งออกไปทางด้านหลังร้านทะลุซอยข้างร้านหลบ หนีไป ซึ่งถ้าคนร้ายสามารถเปิดตู้เซฟใบดังกล่าวได้จะมีทองรูปพรรณนานาชนิดน้ำหนัก รวม 398 บาท มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท 


อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้าใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะต้องใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการขนถังเชื่อมและอุปกรณ์ต่างๆ มาปฏิบัติการ โดยคนร้ายอาจเป็นช่างเชื่อม เนื่องจากมีความรู้ในการใช้อุปกรณ์ แต่ไม่ได้ตรวจสอบแก๊สที่ใช้ในการตัด ทำให้หมดก่อนที่จะเปิดฝาตู้เซฟเก็บทองรูปพรรณดังกล่าวได้ โดยคนร้ายจะต้องมีการวางแผนมาอย่างดีและอาจรู้ว่าร้านดังกล่าวก่อนเกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดพักอาศัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เชิญเจ้าของร้านและพนักงานขายมาสอบปากคำอย่าง ละเอียด เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น