จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

“ท่องเที่ยวภูเก็ต..สู่ความยั่งยืน..ทำอย่างไร”



เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ท่องเที่ยวภูเก็ต..สู่ความยั่งยืน..ทำอย่างไร” ซึ่งคณะการจัดการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคณะบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต 


ได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ได้ดำเนินการวิจัยภายใต้แผนการวิจัย “กลยุทธ์ขับเคลื่อนคลัสเตอร์การท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน : กรณีศึกษาจังหวัดภูเก็ต” 


โดยมีนายภราเดช พยัฆวิเชียร อดีตสมาชิกวุฒสภาและอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายวิจิตร ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาอาวุโสสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชวาธิป จินดาวิจักษณ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ นายทรงสิทธิ์ บุญผล ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นวิทยากร นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนฯ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมกว่า 200 คน 


นายรักษ์พงศ์ วงศาโรจน์ ผู้อำนวยการแผนการวิจัย กล่าวว่า การจัดเวทีเสวนานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการวิจัยดังกล่าว ซึ่งเนื้อหาหลักจะเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่การวิจัยและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้เป็นอย่างดี 


ขณะที่ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย และจังหวัดภูเก็ตสูงมากในหลายมิติ เช่น เป็นภาคเศรษฐกิจที่นำรายได้เข้าประเทศ เป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญในภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เป็นภาคเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม 


เป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างอุปสงค์เชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ เป็นกลไกส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาของท้องถิ่นเป็นอย่างมาก เป็นต้น ซึ่งแนวโน้มการขยายตัวของอุปสงค์การท่องเที่ยวโดยรวมและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ย่อมเป็นผลบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย


“กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงมาก โดยภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เป็นลำดับที่สองของประเทศรองจากกรุงเทพฯ และเป็นจังหวัดที่มีระดับรายจ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2555 สามารถทำรายได้ให้กับประเทศจำนวน 248,000 ล้านบาท ดังนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศจึงได้วางตำแหน่งให้ภูเก็ตและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก” 


น.ส.สมหมาย กล่าวด้วยว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาของจังหวัดภูเก็ตได้เปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพิงอุตสาหกรรมเหมืองแร่มาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ การเติบโตของปริมาณนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูงมาก บนฐานทรัพยากรทางธรรมชาติและทรัพยากรสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่มีจำกัด การขยายตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดึงดูดให้เกิดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการมากขึ้นจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตามกระแสโลกาวิวัฒน์ 


ซึ่งการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนับเป็นสิ่งท้าทายต่อการจัดการการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก คณะผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต จึงมีนโยบายในการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เพื่อพัฒนาไปสู่เมืองท่องเที่ยวคุณภาพระดับโลก 


โดยมุ่งเน้นการพัฒนาของอุตสาหกรรมเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความสมดุลของการพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชุมชนและสังคมต่างได้รับประโยชน์จากการพัฒนาดังกล่าวอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตามวิสัยทัศน์ของจังหวัดภูเก็ต “ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ บนพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน” 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น