จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มท.3 ลงภูเก็ตกำชับทุกหน่วยเข้มปราบปรามยาเสพติด


เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2553 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมหารือและมอบนโยบายด้านการปราบปรามยาเสพติดให้แก่จังหวัดภูเก็ต โดยนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังมี พล.ต.ต.พุฒิชาติเอกฉันท์ ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 4 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายสุรศักดิ์ กล่ำอินทร์ ผู้อำนวย ปปส.ภาค 8 ร่วมด้วย


นายถาวร กล่าวภายหลังการหารือร่วมกัน ว่า การประชุมหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย ตนในฐานะผู้อำนวยการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อเน้นย้ำแนวทางในการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตตามนโยบาย 5 รั้วป้องกันของรัฐบาล ซึ่งจากการร่วมหารือมั่นใจว่ามาตรการที่กำหนดร่วมกันนั้นจะสามารถลดจำนวนยาเสพติด ผู้ค้าและผู้เสพซึ่งจะสามารถนำเข้ารับการบำบัดได้มากขึ้น


“อย่างไรก็จะต้องมีมาตรการเตรียมความพร้อมในการรับมือ เนื่องจากทางการพม่าได้ให้สัญญากับสหประชาชาติว่าจะไม่ให้มียาเสพติดในพม่าภายในปี 2014 ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้ค้าและผู้ผลิตยาเสพติด บริเวณนอกเขตชายแดนจะมุ่งขยายฐานเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะทำมีให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาระบาดมากขึ้น”

นายถาวร กล่าวด้วยว่า นอกจากสั่งการให้เตรียมความพร้อมในการรับมือแล้ว ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น และจะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานให้ตนทราบทุกวันที่ 15 ของเดือน ซึ่งในส่วนของตำรวจภูธรภูเก็ตก็จะมีการตั้งชุดปราบปรามยาเสพติดพิเศษขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อปฏิบัติตรวจสอบปราบปรามยาเสพติดตามหนังสือร้องเรียน ขณะที่ในส่วนของจังหวัดก็จะต้องมีการปล่อยแถวกวาดล้างยาเสพติดทุกเดือน ส่วนของสถานบันเทิงใดหากเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดติดจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่การเชิญมาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ มีการสั่งปิดชั่วคราวจนถึงการปิดถาวร กรณีของข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องดำเนินการขึ้นเด็ดขาด ทั้งนี้จะต้องให้ความสำคัญกับหนังสือร้องเรียนให้มากขึ้น แต่ในการปฏิบัติก็จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น