จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“จุรินทร์” มอบนโยบาย จนท.สาธารณสุข


เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 53 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสภาพปัญหาของโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ในโอกาสที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมวิชาการสาธารณสุขประจำปี 2553 เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 “รพสต.สะพานเชื่อมปฐมภูมิ สู่ตติยภูมิ” ซึ่ง มีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขจากทั่วประเทศเข้าร่วมประมาณ 3,500 คน ว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาลอยู่จำนวนหนึ่งอยู่ในภาวะขาดทุน ปัญหาเกิดจาก 3 เรื่องหลักๆ คือ

 1.การไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ 2.ปัญหาระบบการจัดสรรเงินให้กับโรงพยาบาลไม่เพียงพอกับค่าบริหารจัดการที่เน้นให้งบประมาณแบบรายหัวของผู้ที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลนั้นๆ ตกหัวละ 2,546 บาท ในปี 2554 ทำให้งบประมาณที่ได้บางโรงพยาบาลไม่เพียงพอกับค่าใช้ประจำ ทำให้บางโรงพยาบาลต้องนำเงินค่าหัวในการรักษาพยาบาลมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขไปหารือกับทางสปสช.ในการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายประจำของแต่ละโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็จะจัดสรรงบประมาณตามจำนวนประชากรที่ไปรับการรักษาในแต่ละโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อให้การให้บริการด้านการแพทย์มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีต่อไป

ส่วนปัญหาที่ 3 คือ รายได้ที่เกิดขึ้นไม่เพียงพอกับรายจ่ายในการแบกรักภาระผู้ที่ไม่มีสิทธิ์รับบริการด้านสาธารณสุข โดยแบ่งเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่วนนี้จะมีการทำประกันสุขภาพหัวละ 1,900 บาทอยู่แล้วจะไม่มีปัญหามากนัก แต่ที่เป็นปัญหาหนักคือแรงานต่างด้าวผิดกฎหมายซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควรและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะดำเนินการอย่างไร และสุดท้ายคือกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2554 นี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาลตามแนวชายแดนที่ต้องดูแลรักษาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 1,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มคนไทยไร้สัญชาติและกลุ่มคนไทยที่กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติ

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป ผู้ที่อยู่ในข่ายประกันสุขภาพทั่วหน้า ไม่ต้องใช้บัตรทองในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลอีกโดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทน แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการให้บริการ โดยผู้ป่วยปกติทั่วไปจะต้องเข้ารับการรักษาขั้นปฐมภูมิในโรงพยาบาลที่สังกัด หลังจากนั้นก็จะส่งต่อการรักษาในขั้นที่สูงต่อไป แต่หากเป็น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น