จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

ก.ทรัพย์ ติวเข้ม ทสม. 14 จังหวัดภาคใต้



เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2556 ที่ห้องประชุมโรงแรมเพิร์ล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการขับเคลื่อนเครือข่าย ทสม.ในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4 ภาค (ภาคใต้) ซึ่งทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดขึ้น 


โดยมีนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา จ.ภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นางภาวินี อินทุสุต รองอธิบดีฯ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการบริหารเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) และ ทสม. 14 จังหวัด ( ภาคใต้) เข้าร่วม 


ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้เครือข่าย ทสม.ได้มีเวทีในระดับภาคทบทวนยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และกระบวนการทำงานในแต่ละพื้นที่ร่วมกัน ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการจัดทำแผนการดำเนินงานในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี 2556 ให้สามารถเชื่อมโยงแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระบบ ให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม ซึ่งสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน พ.ศ. 2550 รวมทั้งยังสามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เครือข่าย ทสม. เป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่นับจากปี 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ได้ดำเนินการสนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ทสม.มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพ การเสริมสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและสื่อสาธารณะการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเครือข่าย ทสม. ตลอดจนบูรณาการเครือข่ายกับภาคีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 


“การจัดสัมมนาในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ คณะกรรมการบริหารเครือข่าย ทสม. และเครือข่าย ทสม. ที่ได้ปรึกษาหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมสรุปบทเรียนของการทำงานที่ผ่านมาของเครือข่าย ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันในหลายๆ เรื่อง รวมถึงการจัดเวทีสาธารณะ เพื่อให้ภาครัฐ เครือข่าย ทสม. และภาคีความร่วมมือในระดับภาคได้มีโอกาสทบทวนยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และกระบวนการทำงานในแต่ละพื้นที่ร่วมกัน 


ให้มีแนวทางในการบริหารจัดการ และขับเคลื่อนพื้นที่นำร่องให้มีทิศทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม และจัดทำแผนบูรณาการดำเนินงานในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ปี 2556 ระหว่าง ทสจ., ทสม. และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้สามารถเชื่อมโยงแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระบบ และเกิดการต่อยอดไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน (1 จังหวัด 1 พื้นที่เรียนรู้) “ นายจตุพร กล่าว 


ขณะที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในที่ประชุม ว่า เวทีบูรณาการในครั้งนี้จะทำให้ส่วนราชการทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนราชการในพื้นที่ เครือข่าย ทสม. เครือข่ายชุมชน ได้มีโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของแต่ละภาคส่วนร่วมกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งขอชื่นชมเครือข่ายและภาคีร่วมพัฒนาต่างๆ ที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยดีมาตลอด 


จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2545 ของการจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มีเครือข่าย ทสม.จำนวนหนึ่ง จนมีการพัฒนาและขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องจนครบทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยการสนับสนุนของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ที่ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคในพื้นที่ ที่ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งมาโดยตลอด จนมีผลงานที่ยอมรับ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีสมาชิก ทสม.ทั่วประเทศ จำนวน 160,000 คน และในปี 2556 ตั้งเป้าจะมีสมาชิกรวม 300,000 คน และจะถึง 1 ล้านคนในปี 2557


อย่างไรก็ตามนายปรีชา กล่าวด้วยว่า การให้ความรู้กับ ทสม.เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ทั้งนี้เพื่อที่ได้นำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีปัญหาที่แตกต่างกัน โดยในพื้นที่ภาคใต้จะมีปัญหาในเรื่องของการกัดเซาะชายฝั่ง และการบุกรุกพื้นที่ป่า ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมกันอนุรักษ์ฯ การปลูกป่าบกและป่าชายเลน ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีฯได้กล่าวชื่นชม และอนาคตก็จะได้มีการปรับปรุงในเรื่องของการจัดหาสวัสดิการให้ต่อไป 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น