เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหารือคณะทำงานการแก้ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อนต่างชาติ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อแก้ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อนชาวต่างชาติ
นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทางตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการไกด์เถื่อนชาวต่างชาติได้จำนวนหลายราย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ จนก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและยื่นหนังสือผ่านมาทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และในที่ประชุมก็ได้มีข้อสรุปว่าจะมีการตั้งคณะขึ้นมาดูแลและแก้ปัญหาดังกล่าว รวมทั้งขอให้ทางผู้ชุมนุมซึ่งเป็นกลุ่มมัคคุเทศก์คนไทยภาษาจีน ได้นำข้อมูลของชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพเป็นไกด์มาให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้มีการเข้าไปตรวจสอบ และจับกุม แต่ จนถึงบัดนี้ทางจังหวัดก็ยังไม่ได้รับข้อมูลใดเพิ่มเติมเลย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่หาข้อมูลและแจ้งจังหวัดทราบ โดยให้ส่งข้อมูลมายังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมามาตรวจสอบและแก้ปัญหาต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนของการให้ทางเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการจับกุมดำเนินคดีกับไกด์ต่างด้าวที่ทำผิดกฎหมายทั้งในส่วนบุคคลและรูปแบบบริษัทนอมินี, การดำเนินการกับไกด์ไทยที่มีความผิดเล็กน้อย เช่น ไม่พกใบอนุญาต เป็นต้น และการฝึกอบรมภาษาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยเฉพาะในการจับกุมไกด์เถื่อนต่างชาตินั้นให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ใด้ 100% แต่ก็ควรทำให้ได้อย่างน้อย 50-60%
เพราะจะเป็นการป้องปรามและทำให้ผู้กระทำผิดเกิดความเกรงกลัวได้ และขอให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องมีผลงานต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ขอให้มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการโดยสนธิกำลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงดำเนินการในพื้นที่ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่จะมีไกด์เถื่อนอยู่ เช่น วัดฉลอง ท่าเรือรัษฎา ท่าเรือน้ำลึก ท่าเรืออ่าวปอ สนามบิน แหลมพรมเทพ เป็นต้น นายสมเกียรติกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาไกด์เถื่อนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และการแก้ปัญหาก็ไม่ทันกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ในแง่ของตำรวจก็ดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมาย แต่ด้วยปัญหาในการจับกุมซึ่งต้องใช้หลักฐานที่ยืนยันการกระทำผิดอย่างชัดเจน ทั้งภาพถ่าย ภาพวิดีโอและการเฝ้าระวัง จึงทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้าในการจับกุม นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบหลักฐานของผู้ที่กระทำผิด จึงอยากฝากให้คณะทำงานที่เกี่ยวช่วยแจ้งข้อมูลในการจดทะเบียน เพื่อเป็นเครือข่ายข้อมูลในการทำงาน ในการวางแผนปราบปรามและสามารถตรวจสอบได้ทั้ง 2 ด้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น