เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 56 ที่ห้องประชุมอาคารท่าเรือน้ำลึก ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายขรจ วีระใจ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว พร้อมคณะ ประชุมรับฟังบรรยายสรุปกรณีการก่อสร้างโครงการขยายท่าเทียบเรือภูเก็ตจาก 360 เมตร เป็น 420 เมตร เพื่อให้สามารถจอดเรือขนาดใหญ่พร้อมกันได้ 2 ลำ
รวมทั้งการสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร ลานจอดรถ และถนน เพื่อเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก โดยมีนายโสภณ เมืองประทับ ผู้จัดการท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายโสภณ กล่าวว่า ปัจจุบันท่าเทียบเรือน้ำลึกจังหวัดภูเก็ต มีเนื้อที่ประมาณ 105 ไร่ สามารถรองรับเรือสินค้าได้ 360,000 ตันต่อปี และมีผู้โดยสารจำนวน 300,000 คนต่อปี โดยในปีที่ผ่านมา มีเรือโดยสารขนาดใหญ่มาใช้บริการท่าเทียบเรือมีจำนวน 84 เที่ยว ส่วนใหญ่จะมาแบบวันเดียวแล้วกลับ มีการจอดเทียบท่าครั้งละ12 ชั่วโมง ขณะที่เรือขนส่งสินค้า เข้ามาใช้บริการประมาณ 43 เที่ยวต่อปี ใช้เวลาเทียบท่าครั้งละจำนวน 7 – 8 วัน
สำหรับการให้บริการท่าเทียบเรือดังกล่าวโดยเฉพาะในส่วนของเรือท่องเที่ยวพบว่า ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ ท่าเทียบเรือไม่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ให้จอดพร้อมกันได้ 2 ลำ เนื่องจากความยาวหน้าไม่เพียงพอ ไม่มีอาคารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไข โดยการขยายความยาวหน้าท่าจาก 360 เมตร เป็น 420 เมตร หรือขยายออกไปจากเดิม 60 เมตร
จะทำให้สามารถจอดเรือ พร้อมกัน 2 ลำ ได้ รวมทั้งสร้างอาคารรองรับนักท่องเที่ยว ถนน ที่จอดรถ และเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ให้มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เดินทางมากับเรือสำราญ และแวะท่องเที่ยว หากมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม นักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาเพิ่มมากกันนายโสภณ กล่าว
ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวระหว่างการประชุมว่า การปรับปรุงท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต ทางกรมเจ้าท่าได้มีการศึกษาโครงการ พร้อมส่งเรื่องให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณา แต่ขณะนี้ยังติดอยู่ที่คณะกรรมการสำนักนโยบายและแผนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเสนอไปนานกว่า 2 ปี แล้วตั้งแต่ปี 2554 และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2556 สผ.ได้ส่งกลับมาขอให้มีการนำปรับปรุงแผนโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 5 ข้อ จึงขอให้ทางรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ช่วยประสานพร้อมร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“สภาพของท่าเรือน้ำลึก ไม่สามารถอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากได้อย่างทั่วถึง ประกอบกับยังเกิดความขัดแย้งระหว่างเรือขนส่งสินค้ากับเรือโดยสารให้บริการนักท่องเที่ยว หากภาครัฐเร่งดำเนินการแผนงานปรับปรุง เชื่อว่าอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือสำราญเข้ามามากขึ้น เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ หากโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ ประกอบกับใช้ระยะเวลาเพียง 13 เดือน เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เสร็จสิ้น รอเพียงแค่ทางภาครัฐอนุมัติงบประมาณ” นายภูริพัฒน์ กล่าว
ด้านนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขอให้กรมเจ้าท่าภูเก็ต จัดทำเอกสารเพิ่มเติม พร้อมอธิบายรายละเอียดที่จะได้รับหากมีการดำเนินการตามแผนโครงการ พร้อมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวยังติดอยู่ในหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรฯ ดังนั้นจึงต้องไปหารือในรายละเอียด เพื่อผลักดันโครงการเดินหน้าต่อไป
“อยากจะเปลี่ยนการท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับเป็นการท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบ หรือ Around trip พร้อมเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเรือสำราญ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีกำลังในการซื้อสูง อีกทั้งยังใช้เวลาในการท่องเที่ยวเป็นเวลานาน อีกทั้งต้องเปลี่ยนจากการกางเต็นท์ต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นสร้างตึกและอาคารไว้รองรับนักท่องเที่ยวแทน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย” นายสมศักย์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น