จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ภูเก็ตตอบสนองประหยัดพลังงาน รณรงค์รัฐเป็นต้นแบบ



เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 ที่ห้องประชุม 2 อาคารศูนย์กลุ่มจังหวัด ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการใช้พลังงานภาครัฐ ปีงบประมาณ 2556 ซึ่งทางสำนักงานพลังงานจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อสร้างจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงาน เพื่อให้ส่วนราชการ มีความรู้ และเข้าใจการปฏิบัติตามคำรับรอง 


การปฏิบัติราชการของจังหวัด ตัวชี้วัดที่ 9 ระดับความสำเร็จของการดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงาน และสามารถจัดทำแผนประหยัดพลังงานในสำนักงาน และสามารถนำแผนประหยัดพลังงานไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ รวมทั้งการรายงานผลการใช้พลังงานใน www.e-report.energy.go.th ได้อย่างถูกต้อง โดยมีหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนกลาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เข้าร่วม จำนวน 65 หน่วยงาน 


นายปัถย์ รองเมือง พลังงานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการลดใช้พลังงานภาครัฐ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ซึ่งจังหวัดภูเก็ตสามารถลดการใช้พลังงานได้ทุกปี และในปี 2555 กพร. กำหนดให้ลดใช้พลังงาน 10% เมื่อเทียบกับปี 2554 สามารถลดการใช้ไฟฟ้า 10.55 % การใช้น้ำมันลดลง 8.27 % ค่าคะแนนอยู่ที่ 4.299/5 และในปี พ.ศ.2556 กพร.กำหนดให้ระดับความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานเป็นตัวชี้วัดของจังหวัด และกำหนดให้ลดการใช้พลังงาน ไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างน้อย 10% ของค่ามาตรฐานของการใช้พลังงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับภาคเอกชนและประชาชน ในการลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ 


ขณะที่ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า พลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความต้องการของประชาชน และทุกภาคส่วนในสังคม มนุษย์ใช้พลังงานมาตั้งแต่สมัยดุกดำบรรพ์ การใช้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยปัจจุบันใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานหลัก สำหรับประเทศไทย ไม่มีแหล่งพลังงานเชิงพาณิชย์ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ข้อมูลสถิติพลังงานของประเทศไทย จากสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ปี 2552 มูลค่านำเข้าพลังงานทั้งหมดเป็นเงิน 7 แสนล้านบาท ปี 2553 มูลค่าการนำเข้าทั้งหมด 1.2 ล้านล้านบาท น้ำมันดิบมีสัดส่วนนำเข้ามากที่สุด รองลงมาได้แก่ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินตามลำดับ ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลในการนำเข้าพลังงานดังกล่าว 


“จังหวัดภูเก็ต ในปี 2554 มีการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 1,900 ล้านหน่วย สูงเป็นอันดับที่ 15 ของประเทศ เป็นอันดับที่ 3 ของภาคใต้ (รองจากจังหวัดสงขลา และสุราษฎร์ธานี) มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งสิ้น 300 ล้านลิตร สูงเป็นอันดับที่ 32 ของประเทศ และเป็นอันดับที่ 5 ของภาคใต้” 


น.ส.สมหมาย กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดการนำเข้าพลังงาน โยมีมาตรการ คือ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น, ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น ไบโอดีเซล เป็นต้น และส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง สร้างจิตสำนึกของผู้บริโภคในการประหยัดพลังงาน และใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งส่วนราชการเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โยต้องเป็นผู้นำ และเป็นต้นแบบในการประหยัดพลังงา โดยกำหนดให้ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้ไฟฟ้าลงอย่างน้อย 10% ในปีงบประมาณ 2556 และขยายผลไปสู่ภาคเอกชน สู่ชุมชนและครัวเรือนต่อไป 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น