จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ประเพณีถือศีลกินผักยึดตามประเพณีดั้งเดิม


เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนางเอมอร กิตติธรกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และนายประเสริฐ ฟักทองผล ประธานชมรมอ๊ามภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 โอกาสเดียวกันนี้ยังรับมอบเสื้อสีขาวจากหน่วยงานเอกชนเพื่อสนับสนุนงานประเพณีถือศีลกินผัก ประกอบด้วยศูนย์การค้าจังซีลอน จำนวน 100 ตัว ห้างแม็คโคร 180 ตัว ห้างบิ๊กซี ภูเก็ต จำนวน 100 ตัว และโครงการพนาสนธิ์ จำนวน 200 ตัว
นายตรี กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับชมรมอ๊ามภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดงานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2554 ในระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 5 ตุลาคม 2554 เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เก่าแก่ของชาวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดขบวนแห่เทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ในวันพุธที่ 28 ก.ย. เวลา 16.00 น.จากบริเวณสนามชัย ไปสู่เวทีกลางสะพานหิน,จัดพิธีซงเก้ง(สวดมนต์) ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันพุธที่ 28 ก.ย. เริ่มเวลา 17.00 น. ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน,การออกเยี่ยม และร่วมรับประทานอาหารกับคณะกรรมการอ๊าม(ศาลเจ้า)ต่างๆ ของผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และคณะ ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. 2554, การจำหน่ายอาหารเจ ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. ณ บริเวณอ๊าม (ศาลเจ้า) ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต
นอกจากนี้อ๊าม(ศาลเจ้าต่างๆ ) จะประกอบพิธีกรรม ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. อาทิ พิธีโข้กุ้น(พิธีเลี้ยงอาหารทหารที่รักษาอ๊าม) พิธีป้ายชิดแช(พิธีบูชาดาว) พิธีอิ้วเก้ง(พิธีแห่งพระรอบตัวเมืองภูเก็ต) พิธีอาบน้ำมัน พิธีอาบน้ำมัน พิธีขึ้นบันไดมีด พิธีโก้ยโห้ย(พิธีลุยไฟ) พิธีโก้ยห่าน(พิธีสะเดาะเคราะห์) ฯลฯ
ด้านนางเอมอร กล่าวว่า ในการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ปีทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้เน้นเป็นพิเศษในเรื่องสุขาภิบาลอาหาร การจุดปะทัด และม้าทรง โดยในเรื่องของสุขาภิบาลอาหาร มีการอบรมแม่ค้า ผู้ประกอบการค้า และผู้ประกอบการอาหารในอ๊าม ให้เน้นความสะอาด และวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารต้องให้ปลอดภัย ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าปี 2553 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการจุดประทัดมากกว่าปี 2552 แบ่งเป็นบาดเจ็บตามร่างกายเนื่องจากโดนประทัด และประทัดเข้าตา รวมจำนวน 40 ราย โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากประทัดมากที่สุด จึงอยากจะเตือนประชาชนเรื่องของประทัด ทั้งที่จุดเพื่อถวายพระ หรือจุดเล่นกันเอง ให้จุดอยู่กับที่ไม่ต้องวิ่งตามพระ และที่ให้ความสำคัญอีกเรื่อง คือ การใช้อาวุธของม้าทรง อยากให้รักษาประเพณีไว้ โดยการใช้อาวุธตามตำนาน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของม้าทรงเอง และเพื่อให้ม้าทรงและมีเลี้ยงมีสุขภาพดี ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้จัดเตรียมปลั๊กเอียแจกให้ด้วย
ส่วนทางด้าน นายไพบูลย์ กล่าวว่า ด้วยปีนี้เป็นปีมหามงคลของชาวไทย ประกอบกับงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ตเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ทาง อบจ.ภูเก็ต ได้จัดขบวนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นในวันที่ 28 ก.ย.เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.จากสนามชัย ไปยังเวทีกลางสะพานหิน นอกจากนี้ในวันที่ 26 ก.ย.จะมีการเปิดตัวโครงการน้ำพุดนตรีขึ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมจัดให้มีการแสดงม่านน้ำ แสง สี เสียง บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของจังหวัดภูเก็ตต่อไป โดยจะเริ่มจัดแสดงตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทาง อบจ.ยังได้จัดทำโครงการที่จะนำข้าวสาร น้ำมันปาล์ม ไปมอบให้กับทุกศาลเจ้าที่ร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักด้วย
ขณะที่ทางด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า ประชาชนที่ร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักสามารถเดินทางไปทำบุญที่ศาลเจ้าได้ทุกศาลเจ้า โดยใกล้ศาลเจ้าไหนก็ให้ไปที่นั้น เพราะทุกศาลเจ้ามีพระองค์เดียวกัน และที่สำคัญเพื่อความสะดวกในเรื่องการจราจรด้วย ส่วนการจุดประทัดนั้น ไม่ใช่จุดใส่คนหรือองค์พระ แต่เป็นการจุดเพื่อต้อนรับองค์พระเท่านั้น โดยการจุดลงที่พื้น แต่ที่ผ่านมาประเพณีการจุดประทัดของเราเป็นการเล่นประทัดเสียมากกว่า และสำหรับประทัดที่นำมาจุดก็ต้องเป็นประทัดแพเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับการใช้วัสดุทิ่มแทงตามร่างกายของม้าทรงซึ่งเชื่อว่าเป็นการรับเคราะห์แทนประชาชนนั้นก็ขอให้ใช้อาวุธตามตำนาน เพราะการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการแสดงอภินิหาร แต่เป็นเรื่องของความศรัทธา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น