จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ขับเคลื่อนภูเก็ตเป็นศูนย์กลางสุขภาพในนานาชาติ



เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2556 ที่ห้องประชุมสุโขสปา นางสาวสมหมาย ปรีชาศีลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ทิศทางและการขับเคลื่อนยุทธศาตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในระดับนานาชาติ แบบบูรณาการ ซึ่งจัดโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายแพทย์บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนผู้ประกอบการ หน่วยงานด้านสุขภาพ เข้าร่วม 


ทั้งนี้นายแพทย์บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า ในยุคที่การเดินทางไปมาระหว่างประเทศสะดวก การติดต่อสื่อสารการรับรู้ข้อมูล ข่าวสารรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้คนที่มีอำนาจการจ่ายสูงมีสิทธิในการเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานปลอดภัยและคุ้มค่ากับราคา ผลิตภัณฑ์ด้านคุณภาพเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ควบคู่กับการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลให้ความสนใจและกำหนดเป็นนโยบายในการส่งเสริมพัฒนาให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเอเซียและนานาชาติโดยมุ่งพัฒนาใน 4 สาขาหลัก ได้แก่ 1.บริการด้านการรักษาพยาบาล หมายถึง บริการด้านการแพทย์และบริการทางทันตกรรม 2.บริการส่งเสริมสุขภาพ หมายถึง บริการสปาเพื่อสุขภาพและนวดเพื่อสุขภาพ 3.ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้แก่ ยา เครื่องสำอาง สมุนไพร และ 4.บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 


จังหวัดภูเก็ต เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ ที่ถูกกำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องดำเนินการตามนโยบายนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2547 เนื่องจากภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ.2553 พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวเฉลี่ย 9.12 วัน ค่าใช้จ่ายต่อคน 37,279.55 บาท จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2554 เฉพาะที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต รวมประมาณ 2.5 ล้านคน โดยสัญชาติที่เข้ามามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน รัสเซีย ออสเตรเลีย เกาหลี และสวีเดน ตามลำดับ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลด้านสุขภาพของตนเองด้วย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 


จากข้อมูลของกรมสนับสนุนการบริการสุขภาพพบว่า ในปี 2552 มีชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทยถึง 1.39 ล้านคน ทำรายได้เข้าสู่ประเทศถึง 108,197 ล้านบาท โดยพบว่า ชาติที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย ตามลำดับ มีงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า เหตุผลหลักในการเลือกไปใช้บริการรักษาพยาบาลนอกประเทศของตน เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมีราคาเหมาะสมกว่า มีระยะเวลาการรอคอยสั้นกว่า และมีการบริการที่ดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญไปที่การบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ทำให้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในประเทศไทย พัฒนาตนเองจนผ่านการรับรอง JCI (Joint Commisson International) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ 


สำหรับการดำเนินงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในระยะที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญของคุณภาพมาตรฐานของบริการและผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เน้นการส่งเสริมพัฒนาให้สถานประกอบกานมีการบริการที่มีมาตรฐานเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากร การผลิตบุคลากร ฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานในภาคของธุรกิจสุขภาพ ให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการบริการให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมี การทำกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์หลายครั้งด้วยกัน เช่น งานมหกรรมอันดามันเฮลย์แอนด์เวลเนสในปี พ.ศ.2552 และ 2555 การจัดงาน “584 ดวงใจ นวดไทย เทิดไท้ องค์ราชันย์” เป็นต้นการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายเมดิคอลฮับ 


ในระยะที่ผ่านมา ถือว่าภาคเอกชน มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในส่วนของบริการทางการแพทย์นั้น สถานบริการสาธารณสุข รัฐมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของคนในจังหวัดเป็นหลักในทำนองเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธในการดูแลรักษาท่องเที่ยวต่างขาติได้ การขับเคลื่อนนโยบายเมดิคอลฮับด้านการรักษาพยาบาล จึงต้องสร้างความสมดุลระหว่างการดูแลประชาชนคนในจังหวัดและการดูแลรักษาท่องเที่ยวต่างชาติให้เหมาะสมที่สุด สำหรับบริการด้านทันตกรรมและสถานประกอบการสปาเพื่อสุขภาพในจังหวัดภูเก็ตก็ถือว่ามีศักยภาพสูง มีชมรม สมาคมที่ทำงานร่วมกับภาครัฐได้อย่างเข้มแข็ง แต่อย่างไรก็ตามจากการระดมสมองในเวทีการประชุมในครั้งที่ผ่านมา ก็ยังมีข้อเสนอหลายอย่างที่อาจต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในจังหวัดช่วยผลักดันให้เกิดผลสำเร็จจึงได้เกิดเวทีการประชุมในครั้งนี้ขึ้น 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น