จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

น้ำมันรั่วลงทะเลสร้างความเสียหายจำนวนมาก



เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2556 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวประมงที่บริเวณหน้าคานเรือเอเชียน ถ.ศรีสุทัศน์ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ได้มีน้ำมันไหลออกจากเรือลำหนึ่ง ซึ่งเป็นน้ำมันสีดำขอให้ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานไปยังสำนักงานเจ้าภูมิภาคที่ 5 จังหวัดภูเก็ต 


พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต ก็ได้สั่งการณ์ ให้ พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรทำหน้าที่ปราบปรามทางน้ำ 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำภูเก็ต ร.ต.ท.จีระยุทธ์ อ่อนทอง รองสว.ตำรวจน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ จำนวน 5 นาย นำเรือยางออกตรวจสอบ 


ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณปากคลองท่าจีน ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของคานเรือ และท่าเทียบเรือประมงต่างๆ มีคาบน้ำมันลอยอยู่เหนือน้ำทั่วบริเวณดังกล่าว จึงได้เข้าทำการตรวจสอบยังบริเวณด้านหน้าคานเรือเอเซียนตามที่ได้รับแจ้ง ก็พบเรือประมงไม้ขนาด 2 ชั้นสีดำ แถบส้ม ส่วนตัวเก๋งสีเทา โดยมีน้ำมันไหลทะลักออกมาจากเรือเป็นจำนวนมาก ลอยลำอยู่กลางคลอง 


ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในลำเรือ พบภายในเรือมีน้ำมันเตาประมาณ 2 หมื่นลิตร และเรือกำลังค่อยๆ อับปราง เนื่องจากน้ำทะลักเข้าภายในลำเรือ จึงได้ประสานไปยังเรือโชคถาวร 11 เพื่อขอให้ช่วยสูบน้ำมันออกจากเรือลำดังกล่าว พร้อมทั้งประสานไปยังคลังน้ำมันน้ำมันปตท.จังหวัดภูเก็ต เพื่อขอบูม และสารเคมี เพื่อกำจัดคาบน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือน้ำดังกล่าว และในระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังสูบน้ำมันออกจากลำเรือ น้ำก็ได้ทะลักเข้าไปในลำเรือ ทำให้เรืออับปรางลง 


ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เรือประมงลำดังกล่าวชื่อ เปรมิกา ออกโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต เมื่อวันที่ 19 เม.ย.55 ความยาวตลอดลำ 22.70 เมตร กว้าง 6 เมตร ลึก 2.30 เมตร น้ำหนัก 79.48 ตันกรอส เจ้าของเรือคือ นายธีรกฤษ สือสกุล อยู่บ้านเลขที่ 65/68 หมู่ 7 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต โดยภายในเรือดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน 


และจากการสอบถามคนงานที่เฝ้าเรืออยู่ในบริเวณดังกล่าวก็ทราบว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงเรือเข้าในบริเวณดังกล่าว พร้อมกันยังได้ยินเสียงคุยกันระหว่างลูกเรือกับกับตันเรือ ว่า “ลูกพี่ ไม่ไหวแล้ว น้ำทะลักเข้าลำเรือมากแล้ว เรือจมแน่” จากนั้นทางกับตันก็ได้บังคับเรือเข้าเทียบท่า แล้วทั้ง 2 ก็ขึ้นจากเรือไป 


จนกระทั่งเช้า ก็มีคาบน้ำมันเต็มผิวน้ำไปทั่วบริเวณดังกล่าว ในเบื้องต้นคาดว่าเรือลำดังกล่าวน่าจะเป้นเรือที่นำน้ำมันเตาจะน่านน้ำสากล มาส่งให้กับเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือเดินสมุทร แต่เรือน่ะจะเกิดปัญหาน้ำทะเลเข้าลำเรือ ทำให้กับตันเรือรีบนำเรือเข้าเทียบท่าเพื่อนำเรือมาซ้อมแต่ไม่สำเร็จ คนขับเรือจึงสละเรือทิ้งไป พร้อมด้วยลูกเรือหายไปอย่างไร้ร่องรอย 


ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของคลังน้ำมัน ปตท. ภูเก็ต ก็ได้นำบูม และโฟมฉีดลงบนคาบน้ำมัน เพื่อกำจัดคาบน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือน้ำดังกล่าว เบื้องต้นค่าเสียหายนับล้านบาท อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามเจ้าของเรือมาสอบสวนเกี่ยวกับน้ำมันเตาดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตนำเข้าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น