เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 ที่ห้องประชุมใบเรือ โรงแรมโบ๊ทลากูน รีสอร์ท ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ร่วมกับนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต เป็นประธานการประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็น-ข้อเสนอแนะ
ตามโครงการ “การศึกษาความต้องการเพื่อการพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว เขตพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล) ซึ่งทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จัดขึ้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีท่าเทียบเรือ และภาคเอกชนเข้าร่วม
นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 กล่าวว่า สำหรับการจัดทำโครงการ การศึกษาความต้องการเพื่อการพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว เขตพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน นั้นเป็นผลสืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายในการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เป็น 2 ล้านล้านบาท และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 26 ล้านคน ภายในปี 2558 รวมถึงนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ ตาม พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท นอกจากนั้นในปี 2558 ประเทศไทยก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย แม้ว่าจังหวัดภูเก็ตจะเลยความเป็นอาเซียน และได้เข้าสู่ระดับโลกมานานแล้ว
ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาแล้วในพื้นที่ 5 จังหวัด โดยภูเก็ตเป็นจังหวัดสุดท้าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยวของอันดามัน ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงภูเก็ตแล้วก็จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังจังหวัดใกล้เคียง ด้วยภูเก็ตเปรียบเหมือนเป็นฮับของอันดามัน ซึ่งวิสัยทัศน์ของกลุ่มอันดามันในปี 2557-2560 ได้กำหนดไว้ว่า
จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีคุณภาพระดับโลก ซึ่งท่าเทียบเรือก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานชนิดหนึ่งที่สำคัญในการเดินทาง โดยในเขตพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามันมีท่าเทียบเรือโดยสาร 85 ท่า ซึ่งในหลายๆ ท่าเรือมีปัญหาความแออัดและไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมีไม่เพียงเพียงพอและไม่เหมาะสม จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนา รวมทั้งการก่อสร้างเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากรับฟังความเห็นครบทุกจังหวัดแล้ว ก็จะได้มีการรวบรวมและจัดทำแผนเสนอต่อกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม และรัฐบาลต่อไป นายวิชัย กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น