จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ญาตินำศพพลเมืองดีเหยื่อชี้ชิงทองกลับบ้านเกิด



ความคืบหน้ากรณีจากเหตุการณ์คนร้ายบุกเดี่ยว ใช้อาวุธปืนปล้นห้างทอง ซี.พี.โกล์ดมาสเตอร์ แอนด์จิวเวอรี่ สาขาห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ทองรูปพรรณไปจำนวน 106 บาท มูลค่าประมาณ 2.3 ล้านบาทเศษ และใช้อาวุธปืนยิงนายอพิเชษฐ ชูเกลี้ยง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 1 ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พนักงานบาร์เทนเดอร์ โรงแรมโนโวเทลป่าตอง พลเมืองดีที่จะเข้าไปห้ามปรามคนร้ายโดยไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 


เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 9 เมษายน 2556 น.ส.สาธิกา ชาญสวัสดิ์ แฟนสาว ญาติและเพื่อนๆ ของนายอพิเชษฐ ชูเกลี้ยง พลเมืองดีดังกล่าว ได้มารับศพออกจากห้องดับจิตโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดควนสระบัว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช 


ด้าน พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ขณะที่พยานหลักฐานต่างๆ ได้ส่งไปตรวจสอบที่ จ.สุราษฎร์แล้ว คาดว่าจะได้ผลกลับมาในเร็วๆ นี้ ส่วนศพของผู้เสียชีวิตนั้นได้มีการผ่าชันสูตรแล้ว และจะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราชต่อไป 


ด้านความช่วยเหลือผู้เสียชีวิตนั้นจากการพูดคุยกับทางเจ้าของร้านทองพบว่าทางเจ้าของร้ายแจ้งความประสงค์ที่จะช่วยค่าทำศพจำนวน 1 แสนบาท เนื่องจากเป็นบุคคลที่พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือทางร้านโดยไม่ได้คิดถึงตัวเอง นอกจากนี้ยังได้มีการให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถนำจับคนร้ายได้จำนวน 200,000 บาทด้วย 


ขณะที่น.ส.สาธิกา ชาญสวัสดิ์ อายุ 24 ปี อาชีพบาร์เทนดี้ โรงแรมซีเพิร์ล รีสอร์ท ป่าตอง แฟนสาวของนายอพิเชษฐ์ กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนและผู้ตายได้เดินทางมาที่ร้านทองดังกล่าวเพื่อที่จะซื้อสร้อยคอทองคำ โดยนำสร้อยคอน้ำหนัก 2 สลึงมาเปลี่ยนเป็นน้ำหนัก 1 บาท และขณะที่กำลังลองสร้อยคอกันอยู่ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากจุดที่คนร้ายเข้าไป ตนจึงหมอบหลบโดยไม่เห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน ส่วนผู้ตายนั้นได้เดินเข้าไปเพื่อที่จะจับคนร้าย ซึ่งตนคิดว่าผู้ตายไม่เห็นว่าคนร้ายมีปืน ตนได้พยายามที่จะห้าม แต่เค้าก็เดินเข้าไปจนถูกยิงดังกล่าว หลังจากนั้นคนร้ายก็หันไปหยิบทองต่อหน้าตาเฉย ก่อนที่จะออกไปจากร้าน 


“ตนกับผู้ตายอยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 ปี มีแผนที่จะแต่งงานกันปีหน้า จึงมาซื้อทองเก็บไว้ ประกอบกับช่วงนี้ราคาทองถูกลง แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์เสียก่อน ซึ่งผู้ตายนั้นเคยเป็นทหารเกนฑ์ และชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้าก็จะเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ได้นึกถึงตัวเอง” น.ส.สาธิกา กล่าว 


ขณะที่นายเอกพล ชัยนุรักษ์ อยู่บ้านเลขที่ 134 ม.1 ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ญาติผู้น้องของผู้ตาย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปัจจุบันครอบครัวนี้ไม่เหลือใครแล้ว พ่อแม่ พี่ชาย เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว เหลือเพียงนายอพิเชษฐเพียงคนเดียว แต่มาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีก ซึ่งผู้ตายนั้นเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เที่ยวเตร่ ตั้งใจทำงาน ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด


อย่างไรก็ตามสำหรับการช่วยเหลือครอบครัวนายอพิเชษฐ พลเมืองดีในครั้งนี้ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยพล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัตน์ ได้มอบเงินเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง โดยมอบผ่านทาง น.ส.สาธิกา ชาญสวัสดิ์ แฟนสาว ขณะเดียวกันนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มอบเงินส่วนตัวจำนวน 20,000 บาท และเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต มอบอีก 10,000 บาท ซึ่งเป็นการมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับแฟนสาวของผู้ตายด้วย สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะให้การช่วยเหลือครอบครัวของนายอพิเชษฐ ชูเกลี้ยง สามารถโอนเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวพลเมืองดีรายนี้ได้ที่บัญชี น.ส.สาธิกา ชาญสวัสดิ์ ธนาคารกรุงไทย สาขาจันดี จ.นครศรีธรรมราช เลขที่บัญชี 8350042826 


ด้านนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่พลเมืองดีต้องมาจบชีวิตในเหตุการณ์กรณีมิจฉาชีพเข้าไปปล้นทองดังกล่าว จึงมอบเงินบำรุงขวัญให้แก่แฟนสาวของพลเมืองดี พร้อมรับอาสาที่จะนำเรื่องไปบอกกล่าวยังส่วนราชการและภาคเอกชนในการให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัวของพลเมืองดีรายนี้ ทราบว่าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงแรมภายในจังหวัดภูเก็ต และในนามจังหวัดภูเก็ตจะดูแลครอบครัวของพลเมืองดีรายดีเป็นอย่างดีให้สมกับที่เราต้องสูญเสียพลเมืองดีไป


“ในเรื่องของการดำเนินคดี ทราบว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการและมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 และรอง ผบช.ภ.8 มาควบคุมคดีนี้เป็นพิเศษ ซึ่งก็ได้มีการมาเร่งรัดประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีตั้งแต่เวลา 23.00 น.ของวันที่เกิดเหตุและในค่ำวันนี้ (9 เม.ย.) ก็จะมีการเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดีจากที่ได้มอบหมายให้นายตำรวจแต่ละนายออกไปสืบสวนหาข่าว ซึ่งจากหลักฐานที่ได้มามีแนวโน้มว่าจะเชื่อมโยงกับคดีเก่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้มีการสั่งการให้มีการรื้อคดีเก่านำภาพและพยานหลักฐานต่างมาวิเคราะห์โดยละเอียดเพื่อสาวไปถึงคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ต่อไป” 


นายไมตรี กล่าวด้วยว่า ในโอกาสนี้ขอวิงวอนถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณห้างโตัสฯ และพบเห็นเหตุการณ์ ช่วยแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือแจ้งตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานในการนำมาประกอบคดีและเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ให้จงได้ต่อไป 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น