เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2556 ที่โรงแรมเดอะรอยัล พาราไดซ์ โอเต็ล แอนด์สปา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การพัฒนาและส่งเสริมสหกรณ์” ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดขึ้น
เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ทั้งยังร่วมกันกำหนดกรอบทิศทางแผนการพัฒนาและส่งเสริมสหกรณ์ของขบวนการสหกรณ์ และบูรณาการแผนพัฒนาส่งเสริมสหกรณ์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย โดยมีนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ คณะกรรมการส่งเสริมสหกรณ์แห่งชาติ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ผู้บริหารและข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้บริหารและข้าราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และผู้สังเกตการณ์ รวมจำนวนกว่า 200 คน เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
นายสมชาย ชาญณรงค์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจหลายเรื่อง ได้แก่ กรอบและแนวทางพัฒนาสหกรณ์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงแนวทางการพัฒนาสหกรณ์ 7 ประเภท คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ สหกรณ์ประมง สหกรณ์นิคม สหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน การซักซ้อมการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมขับเคลื่อนสหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ เป็นต้น
ซึ่งคาดว่าหลังเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว ขบวนการสหกรณ์ของไทยจะมีแผนพัฒนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมาชิกสหกรณ์ นอกจากนั้นสหกรณ์ประเภทต่างๆ จะได้มีการทบทวนและปรับแผนการพัฒนาที่มีความเหมาะสมกับสภาวะการณ์ปัจจุบันทั้งเศรษฐกิจและสังคม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในขบวนการสหกรณ์ ยังมีความเข้าใจและร่วมมือกันขับเคลื่อนสหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติต่อไป
“ปัจจุบันแผนพัฒนาสหกรณ์ และแผนพัฒนาของชุมชนสหกรณ์ประเภทต่างๆ ยังไม่ได้บูรณาการให้เป็นเอกภาพ และไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสนี้จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะได้สร้างความเข้าใจร่วมกัน และมีการปรับปรุงแผนพัฒนาให้มีความสอดคล้องกัน ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เป็นเอกภาพของขบวนการสหกรณ์ และถัดไปอาจต้องเร่งพิจารณาบทบาทของสหกรณ์ในเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ด้วย” นายสมชาย กล่าวในที่สุด
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขบวนการสหกรณ์ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สังเกตจากการขยายตัวของการดำเนินธุรกิจสหกรณ์ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสหกรณ์ในภาคเกษตร จำนวน 3,684 แห่ง และสหกรณ์นอกภาคเกษตร 2,854 แห่ง สมาชิกรวมกว่า 10.9 ล้านคน มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ส่วนในปี 2556 คาดว่า มูลค่าทางธุรกิจในภาคสหกรณ์จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่ม ประมาณ 16.90 % คิดเป็นมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท
“กระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งขับเคลื่อนพัฒนาขบวนการสหกรณ์ทั้งระบบให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถให้กับสหกรณ์ไทยเป็นที่ยอมรับของสากล พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน”
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า เป้าหมายในการพัฒนาสหกรณ์นั้น มุ่งไปสู่การรวมตัวกันเป็นหนึ่ง จากสหกรณ์ที่มีอยู่หลายประเภท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น เนื่องจากจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีหลายๆ สหกรณ์มาแข็งขันกันเอง เพราะปัจจุบันมีโคออปที่เป้นัวกลางอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้อย่างไรให้เป็นตัวกลางของสหกรณ์ให้ได้ เพื่อเราจะได้สามารถพัฒนาและแข่งขันกับประเทศเพื่อบ้านได้
นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจากทางกระทรวงพาณิชย์และสหกรณ์ประเทศมาเลเซียในการที่จะลงนามความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ของไทยกับมาเลเซียในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เพื่อจะได้ไม่ต้องผ่านคนกลาง โดยเรื่องนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจะมีการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ เบื้องต้นเราจะต้องมีการพัฒนาในส่วนของสหกรณ์ไทยเราให้มีความเข้มแข็ง และจะต้องมีแบรนด์ที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ในส่วนของการลงนามคาดว่าน่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ ซึ่งสินค้าที่เขาสนใจนั้นมีทั้งข้าว น้ำตาลและยางพารา
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ฝากการต่อยอดนโยบายการประหยัดพลังงานของรัฐบาล ด้วยการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย เนื่องจากมีหลายสหกรณ์ที่มีการผลิตผ้าชนิดต่างๆ อยู่แล้ว และขณะนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมก็ได้มีการออกแบบผ้าไทยที่ใช้ในโอกาสต่างๆ ซึ่งส่วนนี้สหกรณ์สามารถที่จะนำรูปแบบต่างๆ ไปใช้ได้ โดยการผลิตออกมาเพื่อการจำหน่าย ซึ่งขณะยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น